สิ่งใดที่ล่วงไปแล้วมันก็ดับไปแล้ว : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
เรามารวมกันอยู่นี้ก็เพื่อมาฝึกใจของตนให้ใจมันตั้งมั่น ใจมันหนักแน่น ใจคนที่มีกิเลสนี่มันเหลาะแหละเหลวไหล มันจึงหาความสุขไม่ได้ เราจึงได้มาฝึกตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ สำหรับผู้ที่รู้สึกตัวนะ ผู้ไม่รู้สึกตัวมันก็ไม่ฝึกฝนตนแหละ อยู่ไปตามยถากรรม
ผู้ใดรู้ตัวว่าตนจะมีความสุขได้ก็เพราะฝึกจิตนี้ให้มันหนักแน่น ให้มันปล่อยมันวางในสิ่งที่ควรปล่อยควรวาง แม้มันยึดถือเรื่องอดีตอนาคตมายุ่งอยู่ในจิตใจอันนี้พระพุทธเจ้าทรงสอน ผู้มีปัญญาไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว เพราะสิ่งใดที่ล่วงไปแล้วมันก็ดับไปแล้ว ไม่ควรคาดการณ์ล่วงหน้าสิ่งที่ยังไม่มาถึง เพราะว่าสิ่งใดที่ยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็ยังไม่มี ยังไม่มาถึง ธรรมใดปรากฏเฉพาะหน้าในปัจจุบันนี้ ในที่นั้นๆ อันไม่ง่อนแง่น อันไม่คลอนแคลน ควรเจริญธรรมนั้นเนืองๆ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ บอกอุบายฝึกจิตไว้ ดีเหลือเกินนะให้พากันนำไปปฏิบัติ
หัด...อย่าไปให้มันยึดมั่นในเรื่องอดีตที่ล่วงมาแล้ว ไอ้ธรรมดาใจของคนทั่วๆไปเนี่ยมันก็มักยึดถือเรื่องอดีตนั่นล่ะหลายกว่าเรื่องอนาคต ตนได้ทำอะไรมาแต่ก่อน ตนได้พูดอะไรมันก็เก็บเอามาคิด ถ้าเป็นเรื่องผิดหวังก็ เอ้า นึกถึงเวลาใดก็เศร้าใจเวลานั้น กลุ้มใจ เพราะว่ามันผิดหวัง บางคนก็นึกถึงว่า เมื่อวันนั้นเดือนนั้นเขาด่าเรา คนนั้นยกโทษเรา ตำหนิติเตียนเรา พอนึกอย่างนี้แล้วก็กลุ้มใจ น้อยเนื้อต่ำใจ เอ้า คล้ายๆกับว่าตนนั้นไม่มีคุณค่าอะไร อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม นี่ล่ะเรื่องที่ยึดถืออารมณ์ที่เป็นอดีตล่วงมาแล้วมันก็ทำจิตใจให้สงบลงไม่ได้เลย นั่นเป็นอย่างนั้นเพราะมันไปยึดมั่นไปสำคัญว่า มีเขามีเรา สำคัญดีๆชั่วๆอะไรอยู่อย่างนั้นนะ มันไม่ได้นะ จิตจะสงบลงไม่ได้เลยถ้าไปยึดเอาอารมณ์เหล่านั้นมาวิตกวิจารณ์อยู่เรื่อยไปอย่างนี้นะ ไม่ได้
ต้องปล่อยๆวางๆมันไปเรื่อยๆเพราะว่า เรื่องดีเรื่องชั่วมันก็เป็น “สังขาร” เกิดขึ้นแล้วมันก็ดับไป ไม่มีอะไรตั้งยั่งยืน จิตนี้ต่างหากไปหลง ไปหลงสำคัญว่าเป็นของเที่ยง สำคัญว่ามีตัวมีตน นั่นแหละให้มาทวนกระแสจิตเข้ามา มาโทษตัวเองนี่ ตัวเองเป็นทุกข์เพราะตนเองน่ะไปหลงใหลในเรื่องที่ไม่ควรหลง ไปมัวเมาในเรื่องที่ไม่ควรมัวเมา มันถึงได้เป็นทุกข์
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบันตัดอดีต"