"หลวงปู่มั่นคุมจิตหลวงปู่จันทร์ศรี"
"หลวงปู่มั่นคุมจิตหลวงปู่จันทร์ศรี"
- หลวงปู่มั่นสอนวิธีภาวนา
" .. ในวันหนึ่งพอหลวงปู่ไปนวดให้หลวงปู่มั่น นวดไป ๆ ก็เรียนถามท่านว่า "หลวงปู่ ๆ จิตเป็นโสดา สกิทาคา อนาคา มันเป็นอย่างไร"
ท่านไม่ตอบ "แต่ไล่ลงไปเดินจรงกรม ไปเดินจรงกรมได้ ๒ ชั่วโมง" จิตมันไม่รวมจึงขึ้นมาบนกุฎิ กราบเรียนท่านว่า "จิตมันฟุ้งซ่าน มองเห็นแต่หน้าสตรี" ท่านก็ไล่ลงไปเดินอยู่อย่างนั้นแหละ พอเดินไปเดินมาขึ้นมาอีก
พอวันที่ ๗ ท่านทรมาน ประมาณตั้งแต่ ๔ ทุ่ม ให้หลวงปู่นั่งสมาธิ "ท่านก็นอนอยู่บนเตียงนี่แหละ ที่นี้ท่านคุมจิตเรา เวลาท่านคุมจิต จิตเรามันคิดไปไหน ๆ ท่านก็ทักเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราเกิดความรู้สึกกลัวท่าน เพราะท่านรู้จักวาระจิตเราจริง ๆ ไม่กล้าคิดไปไหน"
ท่านก็บอกว่า "ให้เอาสติควบคุมจิต ดึงเข้ามาอยู่ที่หัวใจ ให้ว่า พุทโธ ๆ จนจิตสงบ แล้วใช้ปัญญา พิจารณา กายของตน ตั้งแต่หนังหุ่มห่อร่างกายอยู่นี้ ให้จิตเห็นเป็นอสุภกรรมฐาน" เป็นของสกปรกน่าเกลียด เมื่อตายแล้วไม่มีใครต้องการ "สังขารทั้งปวงตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจํ ทุกขํ อนัตฺตา ด้วยกันทั้งนั้น"
เวลา ๐๒.๐๐ "จิตของหลวงปู่สงบจากอารมณ์ภายนอกที่จะมาสัมผัส เกิดความสว่างขึ้นกับจิต พอจิตรวมได้ รู้สึกกายมันเบา" นั่งอยู่ตลอดจนกระทั่งถึงตี่ ๕ ท่านก็บอกว่า "เอ้า .. มหา ก่อนที่จะถอนจิตนั้น ให้ตั้งสติสัมปชัญญะ ทวนกระแสจิตดูสิว่า ก่อนจิตจะสงบนั้น มันยึดอารมณ์อะไร"
หลวงปู่ก็ทวนกระแสจิต ๑๐ ครั้งว่า "เราทำอย่างไร จิตจึงได้รับผลอย่างนี้" ท่านบอกให้กราบสามครั้ง แล้วท่านพูดว่า "วันนี้ท่านมหาภาวนาได้ดีพอสมควร จำวิธีพิจารณาจิตไว้นะ อย่าปล่อย ให้ท่านภาวนาอย่างนี้ทุกวัน" แล้วก็กราบพระ เตรียมไปบิณฑบาต
หลวงปู่ก็ได้หลักใจจากหลวงปู่มั่น "จนตั้งแต่บัดนั้นมา กระทั่งอยู่มาจนกระทั่งบัดนี้ เรียกว่าเป็นโชคดี ตอนนั้นอายุ ๒๙ ปี เตรียมจะลาสิกขาอยู่แล้ว"
ในตอนนั้นก็มีลูกสาวทนาย มาใส่บาตรอยู่เรื่อย สวย บางทีมาขอสบงจีวรของเราไปซัก แต่หลวงปู่ก็ไม่ให้ .. "
หนังสือ จันทร์ศรีส่องธรรม (หน้า ๓๒ - ๓๕)