"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
" .. ผู้ชนะมักเข้าใจว่าตัวเองได้ "แท้จริงแล้วเสีย เสียอะไร เสียมิตรไมตรี เสียความรู้สึกที่ดี ๆ ของอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น" ที่เรียกว่าได้ก็คือ "ได้อัตตา ได้เวรเพิ่มขึ้น" เพราะผู้แพ้ก็จะผูกใจเพื่อจะเอาชนะต่อไป จึงเป็นอันว่าไม่ได้ความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
"แต่เมื่อจะต้องให้ มีเรื่องให้แพ้ฝ่ายหนึ่งชนะฝ่ายหนึ่ง ก็ควรต้องมีใจหนักแน่นพอที่จะเผชิญผลได้ทุกอย่าง" สามารถที่จะเห็นความจริงว่า "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" ทั้งนี้ต้องชนะตนเอง คือชนะใจตนเองด้วย
"ส่วนผู้ที่ละได้ทั้งแพ้ทั้งชนะจึงจะได้ความสงบสุข" ทั้งนี้โดยไม่ก่อเรื่องที่จะต้องเกิดมีแพ้ชนะกันขึ้น .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙