ต้นเหตุของศีลอยู่ที่ใจ



.
 "ต้นเหตุของศีลอยู่ที่ใจ"

" .. การรักษาศีลนั้น มิใช่ว่าจะรักษาเพียงกายและวาจาเท่านั้น "เพราะต้นของศีลจริง ๆ แล้วอยู่ที่ใจ" เรียกว่า "เจตนา" ส่วนรักษากายวาจานั้นเป็นเพียงให้เกิดกิริยาสวยงามให้เหมาะสมกับเพศที่แสดงออกมาภายนอกเท่านั้น ที่จริงแล้วศีลมีต้นเหตุอยู่ที่ใจ จึงเรียกว่า "มูลฐานของศีลมี ๓ อย่าง"

๑. ใจ กับกาย
๒. ใจ กับวาจา
๓. ใจ กาย วาจา

ฉะนั้น "ใจจึงเป็นหลักใหญ่ให้ศีลเกิดขึ้น" คำว่ารักษาศีล "ก็คือปัญญาความรอบรู้ในศีลของตน" จึงจะรักษาได้ จึงเรียกว่า "สัมมาทิฏฐิ" คือปัญญาความเห็นชอบ ความรอบรู้และฉลาดในการรักษาศีล "สัมมาสังกัปโป" คือใช้ปัญญาดำริพิจารณาตรึกตรองในศีลข้อนั้น ๆ ว่าจะรักษาอย่างไรศีลจะมีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ "สัมมาวาจา" เจรจาชอบ "สัมมากัมมันโต" การงานชอบ "สัมมาอาชีโว" เลี้ยงชีวิตชอบ

คำว่า "ชอบคำเดียวนี้ก็มีความหมาย คือต้องมีปัญญาพิจารณาก่อน" จึงพูดจึงเป็นวาจาชอบ มีปัญญาพิจารณาก่อนจึงทำงานนั้นจะไม่ผิดพลาด จึงเป็นการงานชอบ สัมมาอาชีโว เลี้ยงชีวิตชอบ คือ มีปัญญารอบรู้ในการเลี้ยงชีวิต จะหาอย่างไรจึงจะได้มาด้วยความชอบธรรมและเลี้ยงชีวิตอย่างชอบธรรม

ฉะนั้น "ปัญญาในสัมมาทิฏฐิจึงเป็นขั้นเริ่มต้นที่สำคัญ" ถ้าเริ่มต้นถูกต้องชอบธรรมอันดับต่อไปก็จะถูกต้องชอบธรรม และจะเป็นแนวทางที่ชอบธรรมจนถึงที่สุด ถ้าเห็นผิดในขั้นเริ่มต้นนี้ ต่อไปก็จะเห็นผิดไปเรื่อย ๆ และเห็นผิดจนถึงที่สุดเช่นกัน

ฉะนั้น การเรียนปริยัติ ต้องตีความหมายให้ชัดเจน ให้เข้าใจในเหตุผลและหลักความจริงอย่างแจ่มแจ้ง จึงจะไม่มีปัญหาในการภาวนาปฏิบัติต่อไป .. "

"การรักษาศีล"
โดย หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ
คัดลอกจากหนังสือ สัมมาทิฏฐิ
 

4,391







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย