ท่านที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด คงจะได้เคยท่องบ่นธรรม จากสติปัฏฐานสูตร มาบ่อยๆ
แล้ว ที่ว่า "อาตาปี สติมา สัมปชาโน" เรามาดูกันว่า พระพุทธองค์ทรงหมายความว่าอย่างไร
อาตาปี คือท่านจะต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยความเพียรอันแรงกล้า ถ้าท่านเพียงแต่ปฏิบัติ
ไปอย่างนั้นเอง ด้วยความศรัทธา หรือด้วยความเห็นจริงจากการตรึกตรอง ด้วยเชาวน์ปัญญา
ก็ไม่เรียกว่า อาตาปี เราจะเรียกว่า อาตาปี ก็ต่อเมื่อ เราได้เริ่มปฏิบัติภาวนา อย่างเอาจริงเอาจัง
ยิ่งการปฏิบัติภาวนานั้นทำอย่างไร ?
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางไว้ชัดเจน ด้วยคำเพียง ๒ คำ คือ สติมา และ
สัมปชาโน ทั้ง ๒ คำนี้ไปด้วยกัน
"สติมา" คือความระลึกได้ ระลึกถึงความเป็นจริงในขณะนี้ อย่างที่กำลังเป็นอยู่ หรือ "ยถา
ภูตา"
"สติมา" หมายถึง การที่ไม่ครุ่นคำนึงถึงอดีต และการที่ไม่คิดฟุ้งซ่านไปถึงอนาคต หากแต่
มีสติอยู่กับปัจจุบันทุกขณะ หรือตามสภาวะที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้โดยรู้เท่าทันตามความเป็น
จริง นี่คือ สติมา
เช่นท่านกำลังหายใจอยู่ และมีสติรู้เท่าทันถึงการหายใจของตนเอง หายใจเข้าก็รู้ว่ากำลัง
หายใจเข้า หายใจออกก็รู้ว่ากำลังหายใจออก นี่คือ สติมา แต่ "สัมปชัญญะ" นั้นแตกต่างไปโดย
สิ้นเชิง สัมปชัญญะ คือการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ สัมปชัญญะ เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของพระพุทธองค์ เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ประทานให้แก่โลก
สัมปชัญญะ คืออะไร ? เราควรมาทำความเข้าใจกันเสียก่อน สัมปชัญญะนั้น มีปัญญาอยู่
ในนั้นซึ่งมิใช่เชาวน์ปัญญา มิใช่ สุตมยปัญญา หรือจินตามย-ปัญญา แต่เป็น ภาวนามยปัญญา
ปัญญาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราประสบการณ์โดย ตรงของเรา จากความเป็น
จริงที่ปรากฏอยู่ภายนอกหรือ สมมติสัจจะ เราจะสามารถเข้าถึงปรมัตถสัจจะ หรือความจริง
อันสูงสุดได้ด้วยประสบการณ์โดยตรงของเราเอง เมื่อท่านเพียงมีแต่สติ ระลึกได้ถึงอากัปกิริยา
ที่กำลังทำอยู่ กำลังกิน ดื่ม หรือเดิน ซึ่งล้วนเป็นการกระทำกิจโดยทางร่างกาย อากัปกิริยาเหล่า
นี้ ล้วนเป็น สมมติสัจจะ
ข้าพเจ้าเดินอย่างนี้ กินอย่างนี้ ดื่มอย่างนี้ หรือกำลังทำสิ่งนี้ หรือสิ่งนั้น เหล่านี้ล้วนเป็นสมมติ
สัจจะ ทางด้านโครงสร้างร่างกาย และอิริยาบถเท่านั้นหากทว่าความจริงที่เกี่ยวกับโครงสร้าง
ทางร่างกายของเราก็คือ ร่างกายของเรานั้น ประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกาย จากกลุ่มก้อนของ
อนุปรมาณู ที่เรียกว่า อัฐกลาปะและลักษณะตามธรรมชาติของ อัฐกลาปะนั้น จะมีการเกิด - ดับ
ดับ เกิด - ดับ อยู่ตลอดเวลา ดังคำบาลีที่ว่า อุทย วยํ อุทย วยํ เกิด - ดับ เกิด - ดับ อยู่เรื่อยไปนี้
เป็นลักษณะสำคัญทางด้านร่างกาย" ส่วนทางด้านจิตใจ จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามตอนต่อไป