การเดินไปบนมรรคาแห่งความหลุดพ้นนี้ เราต้องเริ่มที่การรักษาศีล โดยละเว้นจากการทำร้าย
ผู้อื่น ด้วยกาย วาจา และใจ และถึงแม้ว่า เราจะไม่ได้ทำร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน
แต่ เราก็อาจทำร้ายตัวของเราเองด้วยการสร้างกิเลสขึ้นในใจ
ดังนั้น เพื่อป้องกันการทำร้ายตนเอง จากการสร้างกิเลสขึ้นในใจนี้ เราจึงต้องมาฝึกสมาธิเพื่อ
เรียนรู้การควบคุมจิตใจ ให้รู้จักระงับกิเลสที่จะเกิดขึ้นและการระงับกิเลสนั้น หาได้เป็นการขจัด
กิเลสไม่ เพราะกิเลสจะยังคงมีอยู่ในจิตไร้สำนึก หรือภวังคจิต และมีแต่จะพอกพูนขึ้น ทั้งยังคง
ทำลายเราต่อไป
ดังนั้น เมื่อได้เรียนรู้การปฏิบัติธรรมในหมวดที่ ๑ เกี่ยวกับเรื่องศีลและในหมวดที่ ๒ เรื่อง
สมาธิแล้ว เราก็มาถึงการปฏิบัติธรรมในหมวดที่ ๓ ซึ่งเกี่ยวกับปัญญา เราจะไม่ปล่อยให้กิเลส
เกิดได้ตามสบาย หรือขณะเดียวกันก็จะไม่ไประงับกิเลสเอาไว้ แต่จะปล่อยให้กิเลสได้ปรากฏตัว
ออกมา แล้วก็ขจัดกิเลสเหล่านั้นให้หมดไป เมื่อกิเลสได้ถูกขจัดให้หมดไปแล้ว จิตก็จะบริสุทธิ์
ชึ้นและเมื่อจิตบริสุทธิ์แล้ว เราก็ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ที่จะหลีกเลี่ยงจากการกระทำ ที่
เป็นอันตรายต่อผู้อื่น เนื่องจากธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์นั้น จะเต็มไปด้วยความปรารถนาดี
และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และในเวลาเดียวกัน ก็จะไม่ทำการใด ที่จะทำให้เกิดผลร้ายแก่
ตนเอง ซึ่งจะเป็นการนำความสุข ความไพบูลย์ มาสู่ชีวิตของเรา
ดังนั้น แต่ละย่างก้าวในเส้นทางสายนี้ จะนำเราไปสู่ขั้นตอนที่สูงยิ่งๆขึ้นไปเสมอศีลจะนำไปสู่
การพัฒนาสมาธิ คือความตั้งมั่นชอบสมาธิ ก็จะนำไปสู่การพัฒนาปัญญา อันจะนำให้จิตบริสุทธิ์
ปัญญาก็จะนำไปสู่นิพพาน คือความหลุดพ้นจากกิเลสและได้รู้แจ้ง ในสัจธรรม