สวัสดีครับทุกท่าน

 คืนถิ่น   10 ต.ค. 2553

ขออภัยในความคิดใช่มิตรใหม่
คงเวียนว่ายปะปนบนสงสาร
ตกในบ่วงพวงดอกไม้กิเลสมาร
ทั้งวันนี้และวันวานยังวนวัง

มิอาจยึดขันธ์ห้าถามหาอดีต
เพราะมีกายและจิตที่ไม่หวัง
ด้วยสัญญาอนัตตาไม่จีรัง
ไม่ขึ้นอยู่กับคำสั่งของใครใคร

หากดวงจิตคิดขึ้นมาปุจฉาถาม
ช่วยตอบความให้เห็นเป็นไฉน
ริมฝั่งน้ำเนรัญชราพระจอมไตร
ตัดเยื่อไยไมตรีเมาฬีลง

อีกทรงโกนพระเกศาไม่หาใหม่
เพราะเหตุใดจึ่งเห็นเป็นพิศวง
ในตามภาพต่างต่างท่านยังคง
ทั้งเกศา เมาฬี ทรงดังเช่นเดิม

มิใช่อุเทสิกเจดีย์
อันเข้าใจว่ามีเป็นส่วนเพิ่ม
สัญลักษณ์สูงค่าเข้ามาเติม
จึ่งมิใช่การเสริมพระเมาฬี

หากแต่พระบรมสาทิสลักษณ์
ช่างแปลกนักลองพินิศให้ถ้วนถี่
เหตุใดเราจึ่งเห็นเช่นที่มี
พระฉัพพรรณรังสีคงเพียงพอ

มิน่าจะให้เห็นเป็นแก่นสาร
ทรงผนวชใช่อยู่บ้านหรือเรือนหอ
ช่างแสนแปลกน่าสงสัยไม่รั้งรอ
เพียงถามดูใช่จะขอให้เปลี่ยนแปลง

แม้ที่นี่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
กานต์กวีดูไม่เบาช่างกล้าแกร่ง
สวัสดีทุกท่านวันแข็งแรง
เพียงทักทายใช่รู้แจ้งในสิ่งใด

   







แม้ที่นี่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
กานต์กวีดูไม่เบาช่างกล้าแกร่ง
สวัสดีทุกท่านวันแข็งแรง
เพียงทักทายใช่รู้แจ้งในสิ่งใด ... คืนถิ่น

ยินดีท่าน คืนถิ่น กลับมาแล้ว
ส่งสำเนียง เจื้อยแจ้ว แพร้วสดใส
มาพร้อมคำ ปุจฉา น่าชื่นใจ
หิ่งห้อยฯ ขอ ตอบไป ตามรู้มา

เมื่อพระโพธิสัตว์ เจ้าชาย สิทธัตถะ
พร้อมจะละ กามคุณเจ้า เหล่าตัณหา
เสด็จออก จากวัง หวังบรรพชา
ณ ริมฝั่ง อโนมา ธารนที

ทรงเลือก ณ ริมฝั่ง อโนมา
ความหมายว่า เป็นเลิศ ประเสริฐศรี
ไม่ต่ำทราม จึ่งตัด พระเมาฬี
ริมฝั่งน้ำ อโนมานที นี้ทันใด

ทรงตั้งจิต สัจจะ อธิษฐาน
แม้ถึงการณ์ ภายหน้า พาแจ่มใส
ได้บรรลุ พระโพธิญาณ แสนอำไพ
เมาฬีไซร้ อย่าได้หล่น ลงพสุธา

น่าอัศจรรย์ พระเมาฬี ได้ลอยอยู่
ท่านผู้รู้ ได้กล่าวไว้ ในอรรถกถา
ร้อนพระอินทร์ ต้องรีบ เสด็จมา
รับด้วยผอบ รัตนา สู่ดาวดึงส์

ท้าวมหาพรหม ฆฏิกาพรหม พรหมโลกา
ได้นำเครื่อง บรรพชิตพา เข้ามาถึง
ถวายเจ้าชาย สิทธัตถะ เสร็จแล้วจึง
รับเครื่องทรง ไปถึง พรหมโลกา

ประดิษฐาน ไว้ที่ ทุสเจดีย์
ความนี้มี เล่ากันไว้ ไม่กังขา
พระโพธิสัตว์ ตรัสให้ฉันนะ นำอาชา
กลับนัครา ทูลชนก ชนนี

เมื่อพระองค์ ทรงตัด พระเกศา
ได้อธิษฐาน วาจา ไว้ดังนี้
ขอให้ผม ยาวเพียงสอง องคุลี
อย่าได้มี ยาวกว่านี้ ตราบนิพพาน

แต่ละเส้น ม้วนกลมเป็น ทักขิณาวัฏฏ์
ทุกเส้นจัด เป็นระเบียบ ดังกล่าวขาน
เป็นเช่นนี้ ไปจนเสด็จ ปรินิพพาน
และสืบสาน ต่อกันเป็น ประเพณี

ดังนั้นพระเศียร พระพุทธองค์ เหมือนสาวก
พระไตรปีฎก มีสาทก กล่าวไว้นี่
ว่าบางท่าน เข้าไปเฝ้า พระภูมี
ไม่เห็นที่ แตกต่าง ในที่ประชุม (สงฆ์)







ท้าวเธอเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนช้างพระที่นั่งไปจนสุดทาง
เสด็จลงทรงพระดำเนินเข้าประตูโรงกลม แล้วจึงรับสั่งกะหมอชีวกโกมารภัจจ์ว่า

ชีวกผู้สหาย ไหนพระผู้มีพระภาค.

หมอชีวก โกมารภัจจ์ กราบทูลว่า
ขอเดชะ นั่นพระผู้มีพระภาค ประทับนั่งพิงเสากลาง
ผินพระพักตร์ไปทางทิศบูรพา ภิกษุสงฆ์แวดล้อมอยู่



เจริญในธรรม เจ้าค่ะ



RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย