"ต้องมีเหตุมึผล จิตจึงจะเชื่อ" (หลวงปู่เหรีญ วรลาโภ)

 วิริยะ12  

.
 "ต้องมีเหตุมึผล จิตจึงจะเชื่อ"

" .. อาการที่เราปฏิบัติธรรมนะ ต้องให้มีความพากเพียรพยายามตะเกียกตะกาย "ต้องมีอุบายแยบคายอยู่ ในใจเสมอ" การที่มีอุบายแยบคายในใจเสมอนี่สำคัญ ให้เข้าใจกันไว้ "คนส่วนมากไม่ค่อยมีอุบายแยบคาย" อยู่ซื่อ ๆ ไป ซื่อ ๆ

อันนี้ล่ะสาเหตุที่มันละกิเลสไม่ได้ "เพราะว่าจิตนี่ ถ้าหากว่ามันไม่มีเหตุผลเพียงพอ มันก็ไม่ยอมละ" มันยึดถือสิงใดไว้แล้วนะ "ถ้าปัญญาไม่รู้แจงให้จิตนี้เห็นเหตุเห็นผลในเรื่องนั้นโดยแจ่มแจ้งแล้ว จิตนี้มันไม่เชื่อ มันจะไม่ยอมละเลย"

เพราะเหตุนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม "พระองค์จึง ได้ทรงอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบอะไรต่ออะไรให้พุทธบริษัท ทั้งหลายฟังหลายสิ่งหลายอย่าง" ดังเช่นทรงเปรียบเทียบไว้ว่า ..

"นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษ .. หมู่สัตว์มี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นโทษ เพราะฉะนั้น ทานที่ให้แก่ท่านผู้สิ้นราคะ โทสะ โมหะ จึงชื่อว่ามีผลมาก" ลองคิดดูชิ พระองค์ทรงเปรียบเทียบไว้ อย่างนี้ล่ะ เป็นความจริงไหม เราฟังแล้วเราเห็นตามไหม .. "

"ธรรมโอวาท ๓"
หลวงปู่เหรีญ วรลาโภ 

5,581







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย