"เล่าเรื่องหลวงปู่ชอบ" (สมเด็จพระญาณสังวร)

 วิริยะ12  

 "เล่าเรื่องหลวงปู่ชอบ ฐานสโม"

" .. ญาติโยมวัดบวรนิเวศวิหารและวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์เล่าว่า "เคยได้ประจักษ์ในอิทธิฤทธิของการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวกับท่านพระอาจารย์ชอบ ฐานสโม" และเคยเล่าให้ฟังด้วยความปิติโสมนัสมหัศจรรย์ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง

"ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อให้บรรดาผู้สนใจในเรื่องอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ได้ซาบซึ้งในพระพุทธศาสนา" ที่เป็นเพียงจุดเล็กน้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่แห่งพระธรรมคำทรงสอน ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงนำให้มีผู้รู้ตามเสด็จ "ได้พ้นทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ได้เป็นผู้ชนะที่ไม่กลับแพ้อีกต่อไป"

เรื่องที่ปรากฏประจักษ์แก่ญาติโยม "วัดญาณสังวรารามฯ เมื่อ ๒๐ - ๓๐ ปีมาแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์หลวงปู่ชอบ ท่านยังมีชีวิตอยู่" ยังมิได้ละสังขารไปเช่นขณะนี้ "ครั้งนั้นเกิดฝนแล้ง น้ำตามอ่าง ตามห้วยในบริเวณวัดญาณสังวรารามฯ แห้งขอด ผู้คนเดือดร้อน"

ญาติโยมผู้หนึ่ง "นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่หลวงปู่ท่านเคยเป็นพญานาคราช ที่ได้ยินผู้เล่าให้ฟัง โดยไม่เคยได้ฟังโดยตรงตรงจากหลวงปู่ท่าน เพราะไม่เคยรู้จักท่าน" เรื่องที่เคยได้ยินก็คือ "ที่ใดน้ำแล้งและหลวงปู่ได้รับอาราธนาไปโปรด พญานาคจะตามท่านไปทั้งครอบครัว ช่วยให้น้ำฟู่ฟู่ เต็มไปทุกแห่ง"

ช่วงที่น้ำแห้งทั่ววัดญาณสังวรารามฯ นั้น "หลวงปู่ท่านไปโปรดผู้คนตามคำอาราธนาที่อเมริกา เป็นเหตุให้ลังเลกันอยู่เหมือนกันว่า หลวงปู่ท่านจะได้รับทราบคำร้องขอให้ท่านช่วยแก้ความเดือดร้อนเรื่องขาดน้ำหรือไม่" เพราะท่านไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ แต่ด้วยความเดือดร้อนจริง ๆ จึงตัดสินใจขอท่าน

โดยรวมกันอ่านคำขอพร้อมกัน เป็นความจริงที่เล่ากันว่า "เพียงผู้เขียนคำขอหลวงปู่จรดปากกาลงบนกระดาษเท่านั้น ฟ้าก็ลั่นสนั่นไปแล้ว เป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออย่างยิ่งในหมู่ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์"

ซึ่งเล่าต่อไปว่า "เมื่อเขียนคำอ้อนวอนขอน้ำจากหลวงปู่จบ พร้อมกันอ่านเพียงสั้น ๆ ฝนก็กระหน่ำหนักทันที ลูกเห็บตกเกรียวกราว เป็นที่รู้เห็นกันทุกถ้วนหน้า ความปิติตื่นเต้นยินดีพ้นจะพรรณนา ไม่กี่นาทีน้ำในบริเวณวัดญาณสังวรารามฯ ก็เต็มทั่ว"

เป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่หาที่เปรียบมิได้ของหลวงปู่ท่าน "ทุกคนซาบซึ้งเช่นนี้และมีผู้หนึ่งเล่าในภายหลังว่า ตั้งใจไปกราบขอบพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่าน" ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่านเลย รู้แต่ว่าขณะนั้นท่านอยู่อเมริกา

ความตื่นเต้นซาบซึ้งในพระเดชพระคุณท่วมท้นจริงใจ "ทำให้น้อมใจไปสัญญากับหลวงปู่ท่านว่า ท่านกลับจากอเมริกาเมื่อใด อยู่ที่ไหน จะไปกราบสนองความเมตตา" อย่างไม่น่าเป็นไปได้ของท่าน บรรดาผู้กราบขอรบกวนท่านนั้น ไม่มีผู้ใดรู้จักท่านมาก่อนเลย

"เพียงได้ยินชื่อเสียงและกิติศัพท์ความเคยเป็นพญานาคราช ในอดีตชาติของท่านเท่านั้น" และเป็นยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ หลังเหตุการณ์ที่ฝนตกตามคำขอของญาติโยมวัดญาณสังวรารามฯ มาแล้ว

ไม่นานวันขณะที่ญาติโยมพวกนั้นกลับจากวัดญาณสังวรารามฯ ไปรวมอยู่ใน ห้องกระจก วัดบวรนิเวศวิหาร มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งเปิดประตูเข้าไปยืน พร้อมกับพูดขึ้นมาลอย ๆ ไม่เจาะจงว่าพูดกับผู้ใด เธอพูดว่า "หลวงปู่ชอบ ท่านมาให้บอกห้องกระจกว่า ท่านมาแล้ว จะให้ท่านพักที่ไหน"

สุภาพสตรีผู้นั้นพูดเช่นนั้นจริง ๆ "ไม่มีผู้ใดเคยพบเธอมาก่อนว่า เป็นใครมาจากไหน" เธอไม่เคยเข้าไปในห้องกระจก เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ "แต่เธอก็เป็นผู้นำคำบอกเล่าที่ตื่นเต้นแปลกใจที่สุดสำหรับพวกเรา"

ทุกคนไม่ถามอะไรทั้งสิ้น ลุกขึ้นพร้อมกันตามเธอออกประตูห้องกระจก ทันทีและที่หน้าห้อง "ตรงทางไปสู่ศาลา ๑๕๐ ปี ทุกคนก็ได้เห็นท่านพระอาจารย์ชอบ ฐานสโม นั่งหน้าสงบเฉยอยู่ในเก้าอี้เข็นที่ท่านนั่งเป็นประจำ" เพราะท่านไม่เดินนานปีแล้ว

เมื่อญาติโยมจากห้องกระจก เห็นตื่นเต้นเข้าไปกราบท่าน "ท่านก็มองเฉย ๆ มิได้แสดงอะไรทั้งสิ้น เพราะท่านก็มิได้รู้จักญาติโยมเหล่านั้นสักคนเดียว" การที่สุภาพสตรีผู้นั้นบอก "เมื่อเข้าไปในห้องกระจก เป็นที่อัศจรรย์ใจ ผู้รับฟังทุกคน หลวงปู่ชอบ ท่านมาให้บอกห้องกระจกว่า ท่านมาแล้ว จะให้ท่านพักที่ไหน"

เป็นไปได้อย่างไร "ราวกับท่านได้รับคำบอกกล่าว จากพวกห้องกระจกว่า มุ่งมั่นจะได้กราบท่านด้วยความสำนึกในพระเดชพระคุณอย่างจริงใจ ที่ท่านกรุณาให้น้ำตามคำขv ทั้งที่ท่านอยู่อเมริกาแสดงว่า หลวงปู่ท่านได้ทราบถึงใจกตัญญูรู้คุณของผู้ที่ซาบซึ้งพระคุณของท่านที่สุด"

จึงได้ตั้งใจจริงว่า "จะไปกราบสำนึกพระคุณของท่านที่ให้น้ำตามคำขอและที่ท่านอุตสาห์ไปถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ไปถึงผู้อธิษฐานจิต ที่เพียงคิดในใจ" และมิได้บอกกล่าวผู้ใดก่อนนั้นเลย ท่านมาและตรงไปที่ห้องกระจก "ทั้งยังบอกให้รู้ว่า ท่านมาแล้ว ใครฟังก็เหมือนมีผู้ไปอาราธนาท่านมา ท่านจึงมา"

เป็นความชื่นใจของผู้ได้รับอย่างพ้นพรรณนา "หลวงปู่ท่านเมตตาอะไรเพียงนั้น ไม่ทำให้ต้องลำบากไปหาท่าน ท่านสู่มาหาถึงที่ทีเดียว ไม่ให้ซาบซึ้งไม่ให้ตื่นเต้นไม่ได้แล้ว หลวงปู่ท่านต้องรู้ ต้องเห็นจิตใจของผู้สำนึกในพระเดชพระคุณท่านแน่" จึงเมตตามาอนุโมทนา .. "


แสงส่องใจ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๗
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙
 

5,582







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย