"พรหมวิหาร" ท่านพระอริยคุณาธาร ( ปุสฺโส เส็ง ) ท่านได้ให้คำอธิบายไว้ดังนี้
"พรหมวิหาร" คือ อยู่อย่างพรหม บุคคลจำพวกหนึ่ง ซึ่งทำความดี แล้วได้อุบัติในพรหมโลก
เรียกว่า พรหม พรหมนั้นมีใจสะอาด นิ่มนวล อ่อนโยน ควบคุมใจไว้ในอำนาจได้ดี มีคุณธรรม
ประจำใจ ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา ธรรม ๔ ประการนี้ จึงได้นามว่า
พรหมวิหาร การอบรมใจ โดยยึดเอาลักษณะของพรหมเป็นตัวอย่างและปลูกธรรม ๔ ประการ
นั้น ขึ้นในใจของตน ทำตนให้เหมือนพรหม เรียกว่าเจริญพรหมวิหาร พึงเจริญไปตามลำดับ
ข้อธรรม ๔ ประการคือ
๑. เมตตา ความรักที่บริสุทธิ์ มีลักษณะมุ่งดี หวังดี ตรงกันข้ามกับความขึ้งเคียดเกลียดชัง
และเป็นความรักที่ปราศจากกามราคะ ( คือความกำหนัด ) เป็นชนิดความรักระหว่าง
มารดาบิดา กับ บุตรธิดา
๒. กรุณา ความเอ็นดู มีลักษณะทนดูดายไม่ได้ พอใจช่วยเหลือเกื้อกูลให้เขาได้รับสุข โดย
ไม่เห็นแก่เหนื่อยยากและสิ่งตอบแทน ตรงกันข้ามกับความพยาบาทมาดร้าย
๓. มุทิตา ความชื่นใจ มีลักษณะร่าเริงชื่นบาน พลอยมีส่วนในความสุข ความเจริญของผู้อื่น
ตรงกันข้ามกับความริษยา ซึ่งไม่อยากใใครได้ดีมีสุขกว่าตน หรือเท่าเทียมตน
๔. อุเบกขา ความเที่ยงธรรม มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่ ใจหนักแน่น รู้จักสิ่งเป็นไปได้ - เป็นไป
ไม่ได้ ดีแล้ว มองเห็นความเป็นไปตามกรรมของสัตว์แจ้งชัดในใจ ควรช่วยก็ช่วย
ไม่ควรช่วยก็ไม่ช่วย เป็นผู้รู้จักประมาณทำให้คุณธรรม ๓ ข้อข้างต้นสมดุลย์กันด้วย
ใจจะสงบเย็นด้วยคุณธรรมข้อนี้อย่างมากทีเดียว จึงสามารถข่มกามราคะได้อย่างดี
วิธีปฏิบัติ ปลูกคุณธรรม ๔ ประการนี้ขึ้นในใจทีละข้อก่อน ทำใจให้มีลักษณะตามคุณธรรม ๔
ประการนี้ ทีละข้อ แล้วแผ่น้ำใจเช่นนั้นไปยังผู้อื่น ตั้งต้นแต่คนที่เรารักอยู่แล้ว( เว้นคนต่างเพศ
กัน ) ไปคนที่เป็นกลาง - คนที่ตนเกลียดชัง - คนทั่วไป - สัตว์ทั่วไป ตลอดสากลโลกทุกทิศทุก
ทาง เมื่อปฏิบัติได้ถึงขั้นนี้ ชื่อว่า สำเร็จ อัปปมัญญาเจโตวิมุตติ ใจจะมีอิทธิพลเกินคาดหมาย
คือ เมตตาพละ กำจัดศัตรูภาพได้ดี
กรุณาพละ กำจัดทารุณภาพได้ดี
มุทิตาพละ กำจัดความทุกข์โศกของผู้อื่นได้ดี
อุเบกขาพละ กำจัดกามราคะในเพศตรงกันข้ามได้ดี
สตรีกับบุรุษผู้มีอุเบกขาพละ จะเป็นมิตรสนิทสนมกันได้ โดยไม่ละเมิดอธิปไตยของกันและกัน