เวลาออกพรรษาแล้ว ภิกษุสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบไตรมาสมีพระบรมพุทธานุญาต ให้สงฆ์
พิจรณาอนุญาตให้ภิกษุรูปหนึ่งทำกฐินนัตถารกิจได้ ภิกษุสงฆ์ก็ได้รับอานิสงส์กฐิน ๕ ประการ
คำอุปโลกน์กฐิน คำกล่าวประกาศขอมติจากสงฆ์ (แบบ ๒ รูป)
รูปที่ ๑ ว่า...
ผ้ากระฐินทานกับผ้าอานิสงส์บริวารทั้งปวงเหล่านี้ เป็นของ... พร้อมด้วย... เป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา อุสาห์พร้อมเพรียงกันนำมาถวาย แด่พระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสใน
อาวาสนี้
ก็แล ผ้ากฐินทานนี้เป็นของบริสุทธิ์ ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศ แล้วแลตกลงในที่ประชุมสงฆ์
จักได้จำเพาะเจาะจงลงไปว่าเป็นของพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็หามิได้ มีพระบรมพุทธานุญาตไว้
ว่า ให้พระสงฆ์ทั้งปวงยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อจะทำซึ่งกฐินัตถารกิจ ตามพระบรม
พุทธานุญาต และมีคำอรรถถาจารย์ผู้รู้พระบรมพุทธธิบายสังวรรณนาไว้ว่า
ภิกขุรูปใดประกอบด้วยศีลสุตาธิคุณ มีสติสัมปญญาสามารถรู้ธรรม ๘ ประการ มีปุพกิจเป็น
ต้น ภิกษุรูปนั้น จึงสมควรเพื่อจะกระทำกฐินัตถาการกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาต
บัดนี้ พระสงฆ์ทั้งปวง จะเห็นสมควรแก่ภิกษุรูปใด จงพร้อมกันยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปนั้น
เทอญ.
รูปที่ ๒ ว่า...
ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าอานิสงส์บริวารทั้งปวงนี้ ข้าพเจ้าพิจรณาแล้วเห็นสมควรแก่.... เป็นผู้มีสติ
ปัญญาสามารถ เพื่อจะทำกฐินัตถารกิจให้ถูกต้องตามพระบรมพุทธานุญาตได้ ถ้าภิกษุรูปใดเห็น
ไม่สมควร จงทักท้วงขึ้นในท่ามกลางระหว่างสงฆ์ (หยุดชั่วขณะหนึ่ง) ถ้าเห็นสมควรแล้วไซ้
จงให้สัททสัญญาสาธุการขึ้นพร้อมกันเทอญ.
ภิกษุสงฆ์กล่าวขึ้นพร้อมกันว่า "สาธุ"