ลำดับคำกลอน ๑ พัน ๔

 สวนป่าวังอุโบสถภัทรสีมา  

เป็นก้อนแก้ว ก้อนกลีบ เกล็ดฝ้าย
เป็นเปลวสาย พวงดอก ออกฟ้ากว้าง
เป็นเปลวควัน ดุจมนจันทร์ ทอแสงจาง
ปทุมบ้าง ดุมล้อรถ จรดพลัน

ได้อาการ ดุจแนวผา มาร่มไม้
สูตรหนึ่งได้ ปลายน้ำไหล ในฝันนั่น
พร่าเสี้ยนศพ อบแก่นขาม ยามสุริยัน
พวงดอกจัน สัญญาหุ้ม ตอนสุมไฟ

เป็นไปด้วย มนตร์ต่างๆ ชนางกลม
เป็นด้วยบท สลดลม ผสมไข้
ทิพย์ไชชอน กระดอนเดื่อง ซึ้งเรื่องใจ
สัญญาใหม่ ซึ่งมาล้าง สร้างเป็นเวร

กลอน : เทียบตำรา
อรรถกถาทั้งหลายมีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. จริงอยู่ นิมิตนี้มีรูป
คล้ายดาวปรากฏแก่ใคร ๆ ดุจก้อนแก้วมณี และดุจก้อนแก้วมุกดา เป็นสัมผัส
แข็งปรากฏแก่ใคร ๆ ดุจเมล็ดฝ้าย และดุจเสี้ยนไม้แก่น ปรากฏแก่ใคร ๆ
ดุจสายสังวาลยาว ดุจพวงดอกไม้และดุจเปลวควัน ปรากฏแก่ใคร ๆ ดุจใย
แมลงมุมอันกว้าง ดุจกลุ่มเมฆ ดุจดอกปทุม ดุจล้อรถ ดุจมณฑลดวงจันทร์
และดุจมณฑลดวงอาทิตย์. ก็แลนิมิตนั้น เมื่อภิกษุหลายรูปนั่งท่องพระสูตร
เมื่อภิกษุรูปหนึ่งกล่าวว่า พระสูตรนี้ปรากฏแก่ท่านทั้งหลายเช่นไร ภิกษุรูปหนึ่ง
กล่าวว่า ปรากฏแก่ผมดุจแม่น้ำใหญ่ไหลจากภูเขา. อีกรูปหนึ่งกล่าวว่า ปรากฏ
แก่ผมดุจแนวป่าแห่งหนึ่ง. รูปอื่นกล่าวว่า ปรากฏแก่ผมดุจต้นไม้มีร่มเงาเย็น
สมบูรณ์ด้วยกิ่งเต็มด้วยผล. สูตรเดียวเท่านั้นปรากฏแก่ภิกษุเหล่านั้น โดย
ความต่างกัน เพราะสัญญาต่างกัน. กรรมฐานเดียวเท่านั้นย่อมปรากฏโดยความ
ความต่างกันเพราะสัญญาต่างกันด้วยอาการอย่างนี้ เพราะกรรมฐานนั้นเกิดแต่สัญญา
มีสัญญาเป็นนิทาน มีสัญญาเป็นแดนเกิด ฉะนั้นพึงทราบว่า ย่อมปรากฏโดย
ความต่างกันเพราะสัญญาต่างกัน. (ฉบับ มมร ๖๙/๑๘๙/๑-๑๔)

ที่มา : ทดลองแต่งกลอน

6,275







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย