หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าย่อมเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนหยาดน้ำค้างฉันนั้น
"ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสเล่าเรื่องโบราณาจารย์ชื่ออรกะ ผู้สอนให้ลูกศิษย์เร่งความเพียรโดยใช้อุปมาชวนคิด ดังนี้
หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าย่อมเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนหยาดน้ำค้างฉันนั้น
ต่อมน้ำฝนบนผิวน้ำยามฝนตกเม็ดใหญ่ย่อมแตกหายไปอย่างรวดเร็วฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนต่อมน้ำฝนฉันนั้น
รอยขีดด้วยกิ่งไม้บนผิวน้ำย่อมเลือนหายไปอย่างรวดเร็วฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนรอยขีดบนผิวน้ำฉันนั้น
แม่น้ำไหลเชี่ยวจากยอดเขาพัดพาสิ่งต่างๆ ลอยมาไม่หยุดหย่อน แม้เพียงชั่วขณะ แต่ไหลบ่าเรื่อยไปฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนแม่น้ำที่ไหลบ่าจากยอดเขาฉันนั้น
บุรุษผู้มีกำลังอมก้อนน้ำลายว้ที่ปลายลิ้นและถ่มทิ้งโดยง่ายฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนก้อนน้ำลายฉันนั้น
ชิ้นเนื้อที่เขานาบลงกระทะเหล็กเผาไฟตลอดวันย่อมหดหายไปอย่างรวดเร็วฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนชิ้นเนื้อฉันนั้น
โคที่ถูกจูงไปโรงฆ่าสัตว์ ทุกย่างก้าวย่อมนำไปสู่ความตายฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนโคเคราะห์ร้ายที่ถูกไปเชือดฉันนั้น
เมื่อพระพุทธองค์ทรงสาธยายอุปมาเหล่านี้แล้ว ก็ทรงเสริมด้วยเรื่องที่ชวนตะลึงงันว่า “ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ในกาลสมัยนั้นมนุษย์มีอายุขัย ๖๐,๐๐๐ ปี”
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ