เมื่อจิตตั้งมั่นปราศจากนิวรณ์ เราจะรับรู้กาย เวทนา และอารมณ์โดยปราศจากความรู้สึกว่ามีตัวตนหรือความยึดมั่นถือมั่นใดๆ เราจะเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง


เราฝึกเจริญสมาธิภาวนาด้วยการทำสิ่งที่ดูแสนจะธรรมดา ธรรมดาเสียจนคนส่วนใหญ่นึกว่าตัวเองก็ทำอยู่แล้ว แต่กลับแทบไม่มีใครทำเลย และการไม่ยอมฝึกหรือกระทั่งไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องฝึกไปทำไมนั้นเป็นต้นตอแห่งทุกข์ทั้งปวง

การฝึกดังกล่าวคือการรู้ว่ากายเป็นสักแต่ว่ากาย เวทนาเป็นสักแต่ว่าเวทนา และอารมณ์เป็นสักแต่ว่าอารมณ์

ลักษณะสำคัญของจิตที่ยังไม่ได้ฝึก คือ ไม่สามารถเห็นเป็นสักแต่ว่าเห็น รับรู้เป็นสักแต่ว่ารับรู้ จิตเห็นสิ่งทั้งหลายด้วยความเป็น ‘เรา’ และ ‘ของเรา’ ดังนั้น เราจึงวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้จากการที่‘ตัวเรา ของเรา’ ลดลงมากน้อยเพียงใด

ในการภาวนา เมื่อจิตตั้งมั่นปราศจากนิวรณ์ เราจะรับรู้กาย เวทนา และอารมณ์โดยปราศจากความรู้สึกว่ามีตัวตนหรือความยึดมั่นถือมั่นใดๆ เราจะเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง

เราพึงสังเกตและจดจำไว้ให้ดี
นี่คือการรู้แจ้งชั่วขณะ เป็นการฝึกลิ้มรสพระนิพพาน

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

3,241







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย