ถ้าพูดในระดับสมมติ ชีวิตเวียนว่ายในสังสารวัฏ แต่ในความเป็นจริง มีเพียงขันธ์ห้าที่เกิดขึ้นและดับไป
ถ้าตัวเราเป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนอันแท้จริงแล้ว จะมีการระลึกชาติได้อย่างไร พระพุทธองค์ทรงตอบคำถามนี้ด้วยขันธ์ห้า โดยตรัสว่า การระลึกถึงอดีตชาติได้นั้นเป็นการระลึกถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น
เรื่องนี้อาจเข้าใจได้ง่ายขึ้น หากเปรียบชีวิตกับสายน้ำ ยกตัวอย่างว่า เราอาจพูดถึงแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำเหลือง) ตามมณฑลที่แม่น้ำไหลผ่าน จึงไม่ผิดอะไรที่เรียกว่าแม่น้ำฮวงโหในมณฑลซิงไห่ แม่น้ำฮวงโหในมณฑลส่านซี แม่น้ำฮวงโหในมณฑลซานตง แต่แท้จริงแล้ว แม่น้ำฮวงโหตลอดทั้งสายที่ไหลจากเทือกเขาปาเหยียนคาลาซันลงสู่มหาสมุทรนั้น ไม่ได้มีตัวตนที่แยกออกได้ต่างหาก (และก็ไม่มี ‘มณฑล’ที่แยกออกได้ต่างหากเช่นกัน) สิ่งที่เรารับรู้โดยตรงว่าเป็นแม่น้ำฮวงโหคือ น้ำ ตะกอน กรวด ทรายและวัสดุอื่นๆ ประกอบกันเท่านั้น
เราจึงพูดในระดับสมมติได้ว่าชีวิตเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ แต่อันที่จริง เรากำลังพูดถึงความเกิดดับของขันธ์ห้าต่างหาก
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร