สมาธิภาวนาเป็นวิธีส่องไฟให้กายและจิตเพื่อศึกษาในสิ่งที่เราเห็น
"ตามปกติ เวลาส่องไฟไปยังสิ่งใด เราจะเห็นสิ่งนั้นชัดขึ้น แต่บางครั้งแสงไฟก็ส่องให้เห็นว่าการรับรู้ของเราผิดพลาด แท้จริงแล้วสิ่งที่เราเห็นอาจเป็นคนละเรื่องกับที่คิด บางคราวเราก็พบว่าที่เห็นเป็นงูเลื้อยขวางถนนนั้นคือเชือก หรือที่เห็นเป็นเชือกนั้นแท้จริงเป็นงู
ในการเจริญสมาธิ เราฝึกฝนวิธีส่องไฟให้กับประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต ผลที่เกิดขึ้นคือเราเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น เช่น ความน่าเกลียดน่ากลัวของโทสะและความงดงามของเมตตากรุณา การเห็นเช่นนี้ส่งผลให้คุณค่าและลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตเราเปลี่ยนไป หลายสิ่งที่พอเห็นชัดเจนแล้วกลายเป็นเรื่องไร้สาระ ที่สำคัญที่สุดคือการรับรู้ต่ออัตตาตัวตน จากที่เคยเห็นว่ามั่นคงพึ่งพาได้ เป็นทั้งศูนย์กลางและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของประสบการณ์ กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เราเห็นแต่กระแสของปรากฏการณ์ทางกายและใจที่เปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัย
ลองพิจารณามองสมาธิภาวนาในแง่นี้ คือ ไม่ได้หมายถึงการใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นวิธีส่องไฟให้กายและจิตเพื่อศึกษาในสิ่งที่เราเห็น"
พระอาจารย์ชยสาโร