การให้ทานของรักของพระโพธิสัตว์ (หลวงปู่เหรียญ)
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
คนผู้มีบุญน้อย หาเท่าไรมันก็ไมได้ตามประสงค์ อย่างนี้แหละ ได้ก็ได้แต่ของไม่ดีไม่งามไม่น่าชอบใจ นั่นคนบุญน้อย คนบุญมากหาอะไรก็มักจะได้ตามประสงค์ตามความชอบใจ ดังนั้นมนุษย์เราจึงมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกว่ากัน ก็ด้วยอำนาจแห่งการกระทำนี้เองตั้งแต่ชาติหนหลังนู่น ต่างทำความดีมาไม่เท่ากัน บางคนก็ทำมาก บางคนก็ทำน้อย บางคนก็ทำพิเศษก็มี
อย่างให้ทานอย่างนี้ให้พิเศษ อย่าง “พระเวสสันดร” ให้ลูกเป็นทาน ให้เมียเป็นทาน ซึ่งคนธรรมดาสามัญเขาไม่ได้ให้ทานกัน นอกจากเกลียดชังกันแล้วก็ไล่หนีออกไปจากบ้านเท่านั้นแหละ ถ้ายังรักกันอยู่นี่จะไม่ยอมให้ทานเด็ดขาด คนธรรมดาสามัญ แต่ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่ได้ให้ทานลูกกับเมียนี่อันเป็นชาติสุดท้ายนี้แล้วจะไม่ได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเลย อันนี้เป็นกฎธรรมดาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย จึงได้ให้ลูกเป็นทาน ให้เมียเป็นทาน ให้ช้างพระที่นั่ง ให้ม้าพระที่นั่ง ให้รถพระที่นั่งเป็นทาน ของ ๕ อย่างนี้น่ะเป็นของที่หาค่าไม่ได้เลย ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมมี ตอนวาระสุดท้ายนี้ที่บารมีจะเต็ม ทุกพระองค์ก็ต้องได้ให้ของรักของชอบใจห้าอย่างนี้เป็นทานไป พระบารมีธรรมก็จึงค่อยเต็มบริบูรณ์
ท่านกล่าวไว้แผ่นดินไหวถึงเก้าครั้งนู่น เพราะว่าบุญบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้ามันเต็มแล้ว มันแสดงออกแล้วว่าต่อนี้ไปพระองค์จะทำโลกคือหมู่มนุษย์นี่ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวด้วยธัมมจักกัปปวัตนสูตร ตลอดถึงเทวดา อินทร์ พรหม ก็ซ้องสาธุการ อันนี้ความเป็นผู้มีบุญมากนะ ท่านผู้มีบุญมากแล้วถึงไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตามท่านก็อิ่มท่านก็เบื่อในสมบัติพัสถาน หรือถ้าพูดรวมๆล่ะก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันที่โลกสมมติว่าสวยๆงามๆน่ารักน่าใคร่อะไรต่างๆ หมู่นี้ท่านผู้มีบุญมากนะท่านอิ่มแล้ว ท่านได้สัมผัสกับมันมานานแล้ว เมื่อท่านมีบุญมากแล้วท่านมองเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยงแท้แน่นอนทั้งนั้นเลย มีความเกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนในท่ามกลาง ก็แตกดับในที่สุด ก็มีเท่านี้ขึ้นชื่อว่าวัตถุต่างๆในโลกอันนี้น่ะ
ที่มา : ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “เมื่อไม่รู้มันก็พาเราหลง”