กิเลสนอนเนื่องในใจเปรียบไฟหมกเถ้า : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

บุคคลเมื่อไม่เจริญเมตตากรุณาให้เกิดขึ้นอย่างนี้นะ
แล้วความโกรธมันจะเบาบางได้อย่างไร
เพราะความโกรธนี่บุคคลผู้โกรธใครต่อใครขึ้นมาแล้วนะ
อันซึ่งมาจะคิดให้อภัยหรือคิดสงเคราะห์
เกื้อกูลคนนั้นในขณะนั้นน่ะไม่มีทางเลย
ก็เพราะมันขาดเมตตากรุณานี่เองนะ
มันถึงได้โกรธกันคนเรา

ถ้าหากว่ายังมีเมตตาปรารถนาให้ตนเอง
และผู้อื่นเป็นสุขโดยทั่วกัน ไม่เลือกว่าผู้เป็นมิตร
ไม่เลือกว่าผู้เป็นศัตรูกันมา
เราก็ตั้งความปรารถนาลงไว้อย่างนั้น
ผู้ใดตั้งความปรารถนาลงไว้อย่างว่านี่น่ะ
มันก็บรรเทาเสียได้ซึ่งความโกรธ
หมู่นี้มันก็ล้วนแต่การกระทำทั้งนั้นแหละ
กระทำในใจนู่น ทำอุบายแยบคายอยู่ในใจนู้น

แต่ว่าคนส่วนมากน่ะมันไม่ทำกันนะ
นึกว่าตนใจดีอยู่แล้วก็ อื้อ ไม่มีอะไร
ตนก็ไม่ไปโกรธใครหรอก ใจมันดีอยู่เพื่อนว่า
..จริงอยู่ใจมันดีแต่เวลาไม่มีเหตุร้ายมากระทบ
เมื่อเวลามีเหตุร้ายมากระทบเข้า
นั่นแหละ..มันจะลุกฮือขึ้นเลยกิเลส
ที่เป็นเชื้อสายแห่งความโกรธอยู่ภายในใจนั้นน่ะ

เพราะว่ากิเลสนี้ไม่ใช่มันกำเริบอยู่ตลอดเวลา
มันจะกำเริบขึ้นต่อเมื่อมีเหตุภายนอกสมทบเข้ามา
นั่นมันจึงค่อยลุกขึ้น เหมือนอย่าง "ไฟหมกเถ้า" อยู่นี่แหละ
มันก็ไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไรเลยไฟหมกเถ้าอยู่ มันไม่มี ควันก็ไม่มี
ต่อเมื่อมีใครได้เอาหญ้าแห้งไปโยนเข้าไป
มันได้เชื้อแล้วมันก็เกิดเป็นควันขึ้นทีนี้
หนักเขาก็เกิดเป็นเปลวไฟขึ้นมา ลุกโชติช่วงขึ้น

อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหละ
กิเลสที่มันนอนเนื่องอยู่ในจิตใจของคนเรานี่
มันก็เหมือนๆกับไฟหมกเถ้าอยู่นั้นเอง
ไฟหมกเถ้ามันยังไม่มีเชื้อเพิ่มเติมอีก
อันกิเลสมันหมักดองอยู่ในใจคนเราก็เช่นนั้นแหละ
เมื่อมันยังไม่มีเหตุภายนอกมากระทบ
มันก็นอนนิ่งไปก่อนเหมือนกับไม่มีกิเลสเนี่ย
อันพอมีเหตุภายนอกกระทบเข้ามา มันก็จึงค่อยลุกฮือขึ้น

ดังนั้นทุกคนนะให้พากันตื่นตัว
ความเป็นผู้ตื่นตัวรู้ตัว ฝึกหัดให้รู้ตัวอยู่เสมอ
ฝึกหัดวินิจฉัยตัวเองเสมอไป อันนี้ล่ะ
เรียกว่าเป็นอุบายกำจัดความหลงออกไปจากจิตใจ

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "ม้าอาชาไนย-คนอาชาไนย"

5,607







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย