"อโหสิกรรมให้กัน เวรนั้นก็ระงับไป" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"อโหสิกรรมให้กัน เวรนั้นก็ระงับไป"
" .. คนบางคนไม่พิจารณาเรื่องบุญบาปนี้ให้แจ่มแจ้งแล้ว ถ้าเห็นคนอื่นมารังแกตน มาเบียดเบียนตน ก็ไปโทษคนนั้นแหละว่า "คนนั้นแหละไม่ดี มาเบียดเบียนเรา" ให้เราเป็นทุกข์เดือดร้อน
หาได้มาคำนึงถึงตนไม่ว่า "เพราะอะไร คนนั้นถึงได้มาเบียดเบียนตน" บางทีตนก็ไปทำอะไร ให้เขาไม่พอใจในปัจจุบันนี้แหละ เขาก็ผูกใจเจ็บไว้ ได้โอกาสเขาก็เล่นงานตน
ถ้าหากว่าตนไม่ได้ทำอะไรให้เขาเจ็บอกเจ็บใจ ในปัจจุบันนี่ "ก็แสดงว่าตนได้ทำกรรมชั่วมาแต่ก่อน" ได้เบียดเบียน คนอื่นมาแต่ก่อน "อย่างนี้กรรมนั้นจึงได้ตามมาสนองเอา" ทำให้คนรังเกียจเดียดฉันท์ หาทางอิจฉาเบียดเบียน
ถ้าว่า "ผูใดมาทวนกระแสจิต เข้ามาพิจารณาตนเองได้อย่างนี้ มันก็จะไม่โกรธคนนั้นเลย" ก็จะนึกในใจเลยว่า "เราอโหสิกรรมให้นะเพื่อนนะ" ตั้งแต่นี้ไป อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย ขอให้ได้เป็นมิตรเป็นญาติกันไป "ร่วมกันสร้างบุญบารมี เพื่อหาทางให้พ้นจากทุกข์" ดีกว่าที่เราจะมาผูกเวรกัน
นี้ถ้าอธิษฐานในใจขึ้นไปอย่างนี้แล้ว "กรรมเวรเหล่านั้น มันก็ต้องเบาบางลงแหละ" เพราะมันไม่มี มันไม่มีการเพิ่ม เติมเข้าไปอีก เมื่อมันให้ผลไปสุดเขตมันแล้ว "กรรมเวรอันนั้น มันก็ระงับไป" .. "
"โอวาทธรรม"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ