นิสัยเกียจคร้านตัดขาดทางกุศลความดี : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
นิสัยเกียจคร้านนี่นับว่าร้ายกาจกว่าสิ่งอื่น
เรื่องไม่ดีมีในใจของคนสิ่งอื่นนั้นมันก็ยังพอแก้ตกได้
เรื่องความเกียจคร้านนี่..แก้ยาก
ผู้ใดมีนิสัยเกียจคร้านมาแต่กำเนิดแล้วแย่
เพราะฉะนั้นทุกคนให้พึงพากันสำรวจตัวเอง
อย่าให้เป็นคนเกียจคร้าน คนเกียจคร้านแล้ว
สร้างกุศลคุณงามความดีอะไรก็ไม่ได้เลย
นับว่าตัดความดีต่างๆที่ควรจะได้จะมีออกไปหมด
ความเกียจคร้านนี่..มันจะมีความรู้
ความจำคำสอนได้มากมายเท่าไร
เมื่อมันเกียจคร้านแล้วมันก็ไม่ลงมือทำเลย
มันเป็นอย่างนั้น ไหว้พระก็เกียจคร้าน
นั่งสมาธิภาวนาก็เกียจคร้าน
ไปเที่ยวบิณฑบาตก็เกียจคร้าน
ปัดวัดกวาดวัด ทำกิจวัตรต่างๆก็เกียจคร้าน
คนเกียจคร้านนี่มักจะมักหลับมักนอน
เรียกว่า เอาแต่นอนเป็นเกณฑ์
ไม่ลุกขึ้นทำความเพียร
อันนี้เป็นลักษณะของคนเกียจคร้าน
และก็เป็นคนมักง่ายหนึ่งคนเกียจคร้านนี่นะ
ทำอะไรก็อยากให้มันเสร็จเร็วๆน่ะล่ะ ดีก็ตามไม่ดีก็ช่าง
นี่เรียกว่า นิสัยเกียจคร้านไม่ดีจริงๆน่ะ
เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าไปฝึกตนให้เป็นคนเกียจคร้าน
อันกิเลสประเภทนี้น่ะมันมีมา ติดตัวมาตั้งแต่เอนกชาตินู้น
ไม่ใช่เพิ่งมามีในชาตินี้หรอก ให้พึงตื่นตัวกัน
ไอ้เรามีบุญน้อยบุญไม่มาก
เกิดมาชาติใดก็มาเสวยแต่ความทุกข์อยู่อย่างนี้
ก็เพราะความเกียจคร้านนั่นล่ะเป็นมูลเหตุ
ไม่ให้ได้ประกอบคุณงามความดีให้สูงขึ้นไป
เพราะฉะนั้นถึงไม่มีสติปัญญา
ไม่สามารถที่จะละกิเลสตัณหา
ให้หมดไปสิ้นไปจากจิตสันดานได้
นั่นก็เพราะความเกียจคร้านนี่แหละ
ตั้งแต่ชาติก่อนมาก็ดีไม่มี "ความเพียร" เรื่องของมัน
มีแต่เพลิดเพลินในกามคุณ กามคุณนี่ล่ะเป็นเหตุอันหนึ่งล่ะ
นี่ถ้าหากว่าให้เพลิดเพลินไปทางกามคุณล่ะขยัน แข็งแรงดี
ถ้าจะให้มาทำงานทำการอันจะให้เกิดเป็นบุญกุศล
เป็นประโยชน์ตนและผู้อื่นนี่ไม่ไหว
ร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงไปเลย
นี่ล่ะลักษณะแห่งความเกียจคร้านนะ มันเป็นอย่างนี้
เพราะเหตุนั้นมันถึงพ้นทุกข์ไปไม่ได้
ทุกคนต้องสำรวจดูตัวเอง และก็เตือนตนเอง
จะคอยแต่ผู้อื่นมาเตือนให้ .. ไม่ได้หรอก
ถึงผู้อื่นเตือนให้ ถ้าตนไม่ลงมือทำแล้วมันก็เท่านั้นแหละ
...
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย