พระไตรสรณคมน์ที่ไม่เศร้าหมอง : หลวงปู่คำดี ปภาโส
พระอาจารย์คำดี ปภาโส
วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย
...
นี่แหละปฏิญาณตนถึง “พระไตรสรณคมน์” แล้วนะ
ผู้หญิงเป็นอุบาสิกานะ ผู้ชายได้เป็นอุบาสกแล้วทีนี้
บวชในศาสนานะ อย่าทำปรัมประเหมือนอย่างที่เป็นมาแล้วนะ
อย่าถือมงคลตื่นข่าวนะ ..นั่น รักษาพระพุทธศาสนานะ
ตำราแฝงไว้มากแฝงมากทีเดียว
ผู้ที่นับถือพระไตรสรณคมน์เศร้าหมองนะ
คือหมายความว่า “วันจม-วันฟู” นะ
นั่นตำราพราหมณ์เขาว่าอย่างนั้น
เสียเคราะห์เสียเข็ญนะนั่นตำราพราหมณ์เขาว่าเช่นนั้น
ถึงว่าฤดูเดือนห้ามาอีก ตำราพราหมณ์ในอินเดียนะ
พาลูกพาหลานไปชายทะเลทีเดียว...อาบน้ำ
แล้วที่สระหัวสระเกล้าให้เคราะห์กรรม
อะไรมันไหลไปตามกระแสน้ำให้นี่ทีเดียว ผิดทีเดียวนะนั่น
เหตุนั้นในพระไตรสรณคมน์ว่าเช่นนี้ ไม่ถือฤกษ์ดียามดีนะ..นั่น
ถือเหตุถือผลนะ..นั่น ถือกรรม เราทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนะนั่น ฯลฯ
ตำราพราหมณ์เขาว่าวันฟูวันจมนั่นคือหมายถึงว่า วันไหนจม
แต่ดูนะคน ต้นไม้ ภูเขาต่างก็จมไปอย่างที่ว่านั่น..ก็ไม่จมเด๊ะ
ตำราพราหมณ์โกหกซะแล้วนะ วันไหนตำราพราหมณ์เขาว่า
วันไหนวันฟู ฟูงั้นนะ ไปดูสิที่หินในน้ำ ไม่เห็นฟูขึ้นมา โกหกทีเดียวนะ
และอีกประการนะ เสียเคราะห์เสียเข็ญนั่นเสียเคราะห์เสียเข็ญเช่นนั้น
ตำราพราหมณ์เขาว่าตรัสเช่นนั้น มันเสียได้เช่นนั้น
เสียเคราะห์เสียเข็ญมันก็เป็นพระอรหันต์กันหมดสิในโลกนั่น
นี่แหละคือ “ของที่ไม่จริง” ทีเดียวนี้
แล้วปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมน์
เป็นอุบาสกอุบาสิกาแล้วนะอย่าไป “ถือความตื่นข่าว”นะ
ให้รู้จริงเห็นจริงในพุทธศาสนา จิตเศร้าหมองทีเดียว
ไปถือฤกษ์ยามดีไม่ได้ ในทางพระพุทธศาสนา
ฤกษ์ดียามดีเมิ่ดวันทีเดียวนะ ..หมดทุกวัน
"ความพากเพียร" นั้นนะเป็นความที่ฤกษ์ดียามดีนะ
จะเพาะปลูกอะไร เอาผัวเอาเมียกันไม่ต้องหาวันหาเวลา
เรื่องพระเจ้าพระสงฆ์ก็ไม่หาเวลานั่น..
ความพากเพียรนี้เป็นสำคัญทีเดียวในทางพุทธศาสนานะ
อย่าเอาตำราพราหมณ์มาผสมเด๊ะ ไม่ได้นะ
จะทำให้จิตเศร้าหมองทีเดียวนั่น
พระไตรสรณคมน์ในที่นี้ แต่ก่อนองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคนะ
พระองค์บวชด้วยพระองค์เอง เอหิภิกขุฯ นั่น นั่นก็เสื่อมไปแล้ว
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคให้สาวกมาบวชพระไตรสรณคมน์
พุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่างที่พูดมาบวชเป็นพระได้นะ ในครั้งพุทธกาลนะ
ต่อมาอันนี้หายไป ให้คณะอุบาสกอุบาสิกาปฏิญาณตน
ถือพระไตรสรณคมน์นะและเลื่อนไปๆ เรียกว่า “จตุตถกรรม”
จตุตถกรรมให้สำเร็จด้วยสงฆ์นะนี่ การบวชนะนั่น
นี้แหละพระไตรสรณคมน์นะจะถือฤกษ์ดียามดีแม้นประการหนึ่ง
อย่าถือศาสนาเยซูมูฮัมหมัดอิสลามด้วยประการหนึ่ง
อย่ากินของดิบ เครื่องลาบก้อยอย่างคนอีสานนี่กินไม่ได้ทีเดียว
มันเป็นยักษ์เป็นมาร ใจมันห่อ กินแต่ของที่สุกด้วยไฟก่อน
นี้พระไตรสรณคมน์จะขาดหรือเศร้าหมองนะนั่น
แล้วอีกอย่างหนึ่งเนื้อสิบอย่าง ห้ามเนื้อช้าง เนื้อลิง
เนื้อสุนัขหรือเนื้ออะไรนี่พระองค์ห้าม ห้ามไม่ให้กิน เนื้องูนะ..นั่น
นี่ล่ะนับถือพระไตรสรณคมน์อย่า..อย่าไปกินนะ นั่น
นี่ล่ะพระไตรสรณคมน์ที่กล่าวมานั้น ขอให้ตั้งอกตั้งใจ
รักษาศีลห้า แล้วก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญทาน ฯลฯ
นี่ให้ตั้งอกตั้งใจ ในการที่ทรมานจิต "พุทโธ" ในดวงจิตนะ
นั่นนี่ล่ะพระไตรสรณคมน์ขอยุติแต่เพียงเท่านี้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "หลักการภาวนา"