อย่าลืมจิตตัวเอง : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ส่วน "บุคคลผู้มัวเมาประมาท" แล้วมันยิ่งห่างไกลต่อความหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา เพราะว่ากิเลสตัณหามันอยู่ในจิตใจ ถ้าบุคคลประมาทแล้วหมายความว่า อยู่ปราศจากสติสัมปชัญญะ ขาดการสำรวมจิต ขาดความเพียรเพ่งพินิจอยู่ในจิตใจ ใจนี้เมื่อขาดสติสัมปชัญญะแล้วมันมีตั้งแต่จะเหลวไหลไป มีแต่จะคิดซ่านไปในเรื่องที่ไม่เป็นสารประโยชน์นั้นมากต่อมาก ดังนั้นน่ะ ทุกคนจึงต้องตั้งความเพียรเพ่งพินิจอยู่ในจิตใจเสมอๆ อย่าไปลืมจิตตัวเอง เพราะมันลืมจิตตัวเองนี่แหละมันถึงทำให้หลงใหลไป หลงทางเดินนะ
ทุกคนเมื่อภาวนาเป็นพอสมควรน่ะ รู้จักจิตใจตัวเองแล้วอย่างนี้นะ ก็พยายามรักษาจิตอันนั้นไปเรื่อยๆไป หมายความว่า เราภาวนาอยู่ มีสติสัมปชัญญะประคับประคองจิตให้เป็นปกติไปอยู่อย่างนี้นะ แล้วอย่าให้มันไปขาดตอนนะ ต้องรักษาจิตนี้ให้เป็นปกติเรื่อยๆไป แม้เราจะทำการงานอะไรอยู่ พูดอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม นั่งอยู่ก็ตาม นอนอยู่ก็ตาม เดินไปก็ตาม ยืนอยู่ก็ตาม เราก็กำหนดจิต รักษาจิตที่มันเป็นปกติอยู่แล้วนั้น ให้มันเป็นปกติอยู่เรื่อยไป อย่าให้มันเคลื่อนไหวไปผิดหนทาง
เช่น ธรรมดามันเคยเทียวทางไหนมันก็อยากไปทางนั้นเมื่อยังละกิเลสไม่หมด มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ คนเคยวิตกวิจารณ์ไปในเรื่องรักเรื่องใคร่มาแต่ก่อนเป็นอารมณ์อยู่อย่างนี้ พอเผลอๆตัวมันก็ไปนั่นแหละจิตน่ะมันก็วกไปหาเรื่องรักเรื่องใคร่นั่นแหละ อยู่อย่างนั้น ดังนั้น ถ้าผู้สติห่างแล้วมันก็มันไม่ทันความคิดนั้น ก็ปล่อยให้จิตคิดไปจนว่ามากแล้ว จนมันก่อตัวเป็นความกำหนัดยินดีขึ้นมา มันก็แสนที่จะละยาก มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังกันอยู่จำเจไปเรื่อยๆไป อย่าท้อถอย ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะพ้นจากทุกข์ไปไม่ได้ซักชาติเลย
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ทางไปสวรรค์"