พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ความเป็นผู้ที่มองเห็นความเสียสละของตนในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่างๆแล้วปลื้มอกปลื้มใจอย่างนี้..ดีมากทีเดียว ดี ! มันจะได้เป็นกำลังใจ เมื่อบวชเข้ามาแล้วมันจะได้ฝึกตน อบรมตน ทรมานตน อย่าให้กิเลสมันครอบงำจิตใจได้ โดยอาศัยแต่เวลาที่ได้นุ่งขาวห่มขาวอยู่อย่างนี้นะ ได้เห็นผลแห่งการฝึกพอสมควร เรียกว่า พอเป็นทุนได้ ได้บวช ได้บวชมาแล้วเราก็อาศัยทุนเดิมอันนี้แหละเป็นกำลังใจฝึกตนต่อไปเรื่อยๆเป็นอย่างนี้
ถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่งแล้วการเป็นนักบวชนี้นะเหมือนกับพายเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไปเหนือน้ำนั่นแหละมันต้องได้ออกแรงเต็มที่ เรือมันจึงจะไหลทวนกระแสน้ำขึ้นไปเบื้องเหนือได้ ถ้ากำลังบ่แข็งแรงเพียงพอ กำลังอ่อนแอ เช่นนี้แล้วย่อมพายเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไปไม่ได้เลย อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหละ คำว่า “เรือ” ได้แก่อัตภาพร่างกายอันนี้แหละ คำว่า “น้ำ” ได้แก่ กิเลส กิเลสนี่ท่านเปรียบเหมือนอย่างห้วงน้ำ
เมื่อน้ำฝนตกมาก น้ำมันไหลหลากท่วมบ้านท่วมเรือนท่วมนาคนเสียหายยับเยิน กิเลสก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ ท่วมท้นจิตใจผู้ใด จิตใจผู้นั้นก็เสียผู้เสียคนไป ใจไม่ตั้งมั่น ใจเลื่อนลอย ทำไปสักเพเหระไปทั่ว ไม่กลัวบาปกลัวกรรม เมื่อจิตใจมันเลื่อนลอยแล้วมันเป็นอย่างนั้นนิ เรื่องมันน่ะ มันก็เป็นเช่นนั้นแหละ เหมือนอย่างห้วงน้ำใหญ่ที่ว่านั้นแหละ มันพัดพาเอาบ้านเรือนพังพินาศลงไป
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"เกิดมาสร้างบารมี"