ศีลเกิดแต่เมตตา



.
 "ศีลเกิดแต่เมตตา"

" .. "ศีลเกิดแต่เมตตา เมตตาเกิดกับศีล" ทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน "ศีลของผู้ใดบกพร่อง เมตตาของผู้นั้นก็บกพร่องด้วย" บกพร่องทั้งเมตตาตนเอง และบกพร่องทั้งเมตตาผู้อื่น "อันเมตตาตนเองกับเมตตาผู้อื่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" แยกจากกันไม่ได้

"การไม่เมตตาผู้อื่นก็เป็นการไม่เมตตาตนไปพร้อมกัน" พึงคิดถึงสัจจะประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ คือ "ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว" ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

"เมื่อเบียดเบียนเขา เราเองนั่นก็จะต้องได้รับผลนั้น" เมื่อไม่เมตตาเขา เราเองนั่นก็จะต้องได้รับผลนั้น "เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก" มีพระพุทธศาสนสุภาษิตแสดงไว้เช่นนี้ เมื่อเมตตาเป็นเหตุให้มีศีล "ศีลเกิดแต่เมตตา เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก" ก็คือศีลเป็นเครื่องค้ำจุนโลกเข่นกัน

โลกมิได้หมายถึงเพียงดาวดวงหนึ่งดังเป็นที่เข้าใจกันอยู่ แต่โลกหมายถึงตนเอง หมายถึงเขาอื่นทั้งหลายทั้งปวง "ผู้มีเมตตาหรือผู้มีศีลจึงเป็นผู้ค้ำจุนตนเองและค้ำจุนผู้อื่นทั้งหลาย" .. "

"การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชิรญาณสังวร
 

4,367







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย