การปรุงแต่งมีต่างๆกัน มีทั้งที่ไม่ฝังใจนัก ซึ่งง่ายต่อการที่จะขจัดออกไปได้ทันที แต่ถ้าเป็น
การปรุงแต่งที่ฝังใจมากขึ้นมาอีกหน่อย ก็อาจต้องใช้เวลาบ้างที่จะขจัดออกไป และถ้าเป็นการ
ปรุงแต่งที่ฝังอยู่ในส่วนลึก การขจัดออกไปก็ย่อมต้องใช้เวลายาวนานขึ้น ในแต่ละคืน หากเรา
จะพยายามนึกถึงการปรุงแต่งต่างๆ ที่เราสร้างขึ้นมาตลอดทั้งวัน เราอาจจะนึกได้แต่เพียง ๑
หรือ ๒ เรื่องที่ฝังใจมากที่สุดในวันนั้น เช่นเดียวกัน ในแต่ละเดือน หรือแต่ละปี เราก็อาจจะจำ
การปรุงแต่ง หรือสังขารได้เพียง ๑ หรือ ๒ เรื่อง ที่ฝังใจเรามากที่สุดในช่วงระยะเวลานั้น
และ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม ในบั้นปลายสุดของชีวิต สังขารหรือการปรุงแต่งที่ฝังอยู่
ในส่วนลึกที่สุด ก็จะปรากฏขึ้นมาในจิตอีกครั้งหนึ่งและชีวิตในโลกหน้า ก็จะเริ่มต้นด้วยจิตที่มี
ธรรมชาติเหมือนเดิมนี้ มีคุณภาพดั้งเดิมไม่ว่าจะหวานหรือขม จึงเท่ากับเราสร้างอนาคตของ
เรา ด้วยการกระทำของเราเอง
- การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะสอนให้รู้ถึงศิลปะของการตาย เราจะตายอย่างสงบได้
อย่างไร?
- เราจะได้เรียนรู้ศิลปะของการตาย ด้วยการเรียนรู้ถึงศิลปะของการมีชีวิตอยู่ทำอย่างไร จึงจะ
เป็นนายเหนือปัจจุบันได้ ?
- ทำอย่างไรจึงจะไม่ก่อให้เกิดสังขารในขณะปัจจุบัน ?
- ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ได้ ณ.ที่นี้ ในขณะนี้ ?
ถ้าทำปัจจุบันให้ดีแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลถึงอนาคต ซึ่งเป็นแต่เพียงผลผลิตของปัจจุบัน เทคนิค
ในการปฏิบัตินี้มีอยู่ 2 ประการ
ประการแรก คือการทำลายสิ่งกีดขวางระหว่างจิตสำนึกกับจิตไร้สำนึก หรือ ภวังคจิต โดย
ปกติ จิตสำนึกจะไม่รู้ว่าการปรุงแต่งต่างๆ เกิดขึ้นในจิตไร้สำนึกตลอดเวลา แต่ความไม่รู้ หรือ
อวิชชาได้ปิดบังเอาไว้ เมื่อการปรุงแต่งเหล่านี้ มาปรากฏขึ้นในจิตสำนึก ความเข้มข้นก็จะมี
มากขึ้น จนกระทั่งมีอำนาจเหนือจิตใจ ด้วยวิธีปฏิบัติแบบนี้ จะช่วยพัฒนาจิตใจให้มีสติระลึก
รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ความไม่รู้หรืออวิชชาก็จะถูกขจัดออกไป
ประการที่สอง คืออุเบกขา หรือการวางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยความชอบหรือชัง การที่
เรามีสติระลึกรู้ ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น แล้วไม่ไปปรุงแต่งไม่ผูกปมโลภะ หรือโทสะขึ้นมาใหม่
เราย่อมจะไม่สร้างทุกข์ให้ตนเอง
ขณะที่ท่านนั่งปฏิบัติอยู่ ในตอนเริ่มต้น ท่านอาจจะใช้เวลาส่วนใหญ่ ปรุงแต่งความรู้สึกที่เกิด
ขึ้นให้เป็นไปในทางที่ชอบ หรือไม่ชอบ แต่ก็จะมีอยู่ระยะหนึ่ง ที่ท่านจะรู้สึกวางใจเฉยได้ แม้
ว่าจะกำลังมีความเจ็บปวดมาก ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีพลังมาก ในการเปลี่ยนแปลงนิสัยของจิต
แล้วท่านจะค่อยๆก้าวไปถึงขั้นที่ท่านจะยิ้มให้กับความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ด้วยความเข้า
ใจว่า ความรู้สึกเหล่านั้นล้วนเป็นอนิจจัง ซึ่งจะต้องผ่านไปเปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่จะไปให้ถึง
ขั้นนี้ได้ ท่านจะต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่มีใครสามารถจะปฏิบัติแทนท่านได้ นับว่าเป็นสิ่งที่
ดีแล้ว ที่ท่านได้เริ่มเดินตามวิถีทางนี้ จงเดินต่อไป ทีละก้าว ทีละก้าว เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น
ของตัวท่านเอง