วิธีเจริญกายคตาสติที่มีผลานิสงส์มาก

 มหาราชันย์   13 ส.ค. 2553

  ผลานิสงส์ กายคตา จะมีมาก
เจริญจาก กายเรา เข้ากุศล
มีสติ สมาธิ ที่ฝึกตน
จิตหลุดพ้น จากสัญโญชน์ โปรดอ่านดู



ชนพาลเมื่อกล่าวคำเป็น " ทุพภาษิต "
ชื่อว่าย่อมตัดตนด้วยศัสตราใด ๆ
ก็ศัสตรานั้นย่อมเกิดในปากของชนพาลผู้เกิดแล้ว

ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติเตียน
หรือติเตียนผู้ที่ควรได้รับความสรรเสริญ
ผู้นั้นชื่อว่าสั่งสมโทษด้วยปาก
เพราะโทษนั้น.... เขาย่อมไม่ประสบความสุข

ความปราชัยด้วยทรัพย์
ในเพราะการพนันทั้งหลาย
พร้อมด้วยสิ่งของของตนทั้งหมดก็ดี
พร้อมด้วยตนก็ดี
ก็เป็นโทษเพียงเล็กน้อย

บุคคลใดทำใจให้ประทุษร้ายในท่านผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย
ความประทุษร้ายแห่งใจของบุคคลนั้นเป็นโทษใหญ่กว่า
บุคคลผู้ตั้งวาจาและใจอันลามกไว้
เป็นผู้มักติเตียนพระอริยเจ้า....ย่อมเข้าถึงนรก
ซึ่งมีปริมาณแห่งอายุถึงแสนนิรัพพุท กับห้าอัพพุท

1 นิรัพพุทะ เท่ากับ 1 มี 0 ตามหลัง 36 ตัว(หน่วเป็นปีมนุษย์)

เจริญในธรรมครับ.    




ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันกลับจาก บิณฑบาต ภายหลังเวลาอาหารแล้ว นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลา เกิดข้อสนทนากันขึ้นในระหว่างดังนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง ไม่น่าเป็นไปได้เลย เท่าที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสกายคตาสติที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ว่ามีผลมาก มีอานิสงส์มากนี้ ข้อสนทนากันในระหว่างของภิกษุเหล่านั้น ค้างอยู่เพียงเท่านี้แล ฯ


ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากสถานที่ทรงหลีกเร้นอยู่ในเวลาเย็น เสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลานั้น ครั้นแล้วจึงประทับนั่ง ณ อาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้ แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมสนทนาเรื่องอะไรกัน และพวกเธอสนทนาเรื่องอะไรค้างอยู่ในระหว่าง ฯ

ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ณ โอกาสนี้ พวกข้าพระองค์ กลับจากบิณฑบาต ภายหลังเวลาอาหารแล้ว นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลา เกิดข้อสนทนากันขึ้นในระหว่างดังนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง ไม่น่าเป็นไปได้เลย เท่าที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสกายคตาสติที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ว่ามีผลมาก มีอานิสงส์มากนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อสนทนากันในระหว่างของพวกข้าพระองค์ได้ค้างอยู่เพียงเท่านี้ พอดีพระผู้มีพระภาคก็เสด็จมาถึง ฯ


วิธีเจริญกายคตาสติที่มีผลานิสงส์มาก

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็กายคตาสติอันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า

.........เธอย่อมมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
.........เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
.........หรือเมื่อหายใจ เข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว
.........เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
.........หรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
.........สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก
.........ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า
.........สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจออก
.........ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า

เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท
มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้
ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้
เพราะละความดำริพล่านนั้นได้
จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง
เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ


เจริญในธรรมครับ.

RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย