บาป = การกระทำด้วยจิตเจตนาอกุศล
คนที่ทำหมันสัตว์เกือบทั้งหมด ล้วนไม่มีจิตเจตนาอกุศล เขาต้องการเลี้ยงแมวตัวนั้น และไม่ต้องการให้ลูกๆของมันที่ออกมาต้องอดอยาก กลายเป็นแมวจรจัด แล้วอดอยากตายในที่สุด เพราะแมวตัวหนึ่งอาจออกลูกได้ในช่วงชีวิตของมัน 15-20 ตัว จะไปเลี้ยงไหวได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ มันชัดเจนอยู่แล้วว่า คนที่ทำหมันสัตว์มีเจตนาจิตเป็นกุศล
ปัญหาคือ คนในเว็บธรรมะส่วนใหญ่ เป็นผู้ไม่รู้ธรรมะ ไม่เข้าใจที่มาของศีล 5 จึงแนะนำผิดๆถูกๆ ทำให้คนทำหมันแมวมีความสับสน
คุณkoongKTMกล้ายอมทำผิดศีล 5 เพื่อส่วนแมวและลูกๆของมันในอนาคต ถือว่าทำกุศลใหญ่มาก
แพทย์สมัยใหม่เขาเจริญมาก ขนาดทำหมันคนเป็นร้อยๆพันๆล้านคน ไม่มีปัญหาอะไร
สิ่งที่ไม่บาป แต่คุณนำความคิดคุณมาบอกว่ามันบาป ต้องคิดซิครับ แมวเจ็บนิดเดียว หมดห่วงเรื่องอาหารของตัวเองและลูกๆไปตลอดชาติ นอกจากนี้ยังไม่เป็นภาระต่อสังคมที่ต้องรับผิดชอบต่อแมวจรจัดเป็น 10 ๆตัว
ผู้ที่ยึดมั่นในศีล 5 ไปได้อย่างมากแค่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ผู้มีจิตเมตตากรุณากล้าทำผิดศีล 5 ไปถึงความเป็นโพธิสัตว์ และพระพุทธเจ้า
ทำหมัน .... ไม่ได้ทำแท้งแมวนะจ๊ะ
ทำโลด
ขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้แนวทางในการตัดสินใจค่ะ ช่วยได้มากจริงๆค่ะ หุหุหุ (คราวนี้สูญพันธ์แน่ นังเหมียว) อิอิอิ
******************************************************
ข้างบ้านของผม เธอแท้งลูกมาแล้วถึง 3 ครั้ง
ครั้งแรก ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 1 เดือน
ครั้งสอง ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน
ครั้งที่สาม ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน
******************************************************
หลังจากนั้น เธอจะมีอาการเกี่ยวกับระบบช่องท้องอยู่ตลอดเวลา
นับถึงเวลาที่แท้งจนถึงบัดนี้ ก็เกือบปีแล้ว อาการของเธอก็แค่ทุเลา
หากจะกล่าวถึงการแท้งบุตรถึง 3 ครั้ง และอาการปวดท้องที่หมอเองก็ไม่ทราบอาการ
ที่แน่ชัด จ่ายยาไม่ถูก ได้แต่รักษาตามอาการนั้น.....ผลของมันก็คือ
"การห้ามการเกิดของผู้อื่นในอดีตทั้งสิ้น"
******************************************************
ใครจะว่าอย่างไร สนับสนุนอย่างไร ก็ช่างเขา แต่อย่าลืมว่าคนที่รับกรรมหนักที่สุด
ก็คือผู้กระทำเอง
******************************************************
แพทย์ที่ผู้ป่วยยินยอมให้ทำแท้ง เพราะลูกไม่สมบูรณ์นั้น ก็ยังจัดว่าบาป
บาปเพราะไปห้ามการเกิดของผู้อื่น บาปที่ไปห้ามการชดใช้กรรมของผู้อื่น
******************************************************
ศีล 5 คือ ฐานทั้ง 5 ของชีวิต ศีล หรือ ศีละ แปลว่า ปกติ
นั่นย่อมหมายความไปด้วยว่า ปกติของมนุษย์นั้น มีสิ่งที่ควรทำอยู่ 5 อย่าง
นั่นคือ
1. ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
2. ไม่นิยมในทรัพย์ของผู้อื่น
3. ไม่นิยมในของรักของหวงของผู้อื่น
4. ไม่พูดจาโป้ปด
5. ไม่กินหรือดื่นของมึนเมาหมักดอง
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ เราเอาศีล 5 มาแปลความผิด
จากคำว่า "ไม่" กลายเป็น "ไม่ควร"
จากคำว่า "ไม่ควร" กลายเป็น "เว้น"
จากคำว่า "เว้น" กลายเป็น "ตามความเหมาะสม"
******************************************************
ผมตอบด้วยปัญญาอันน้อยนิดเท่านั้น ไม่ได้มีฌาณ ไม่ได้มีญาณรู้เห็นอะไรทั้งนั้น
******************************************************
คนสูบบุหรี่ เขาสูบเพราะเขาชอบ เมื่อมีคนมาถามว่าเขาสูบทำไม ไม่เหม็นเหรอ
เขาก็จะตอบว่า เขาสูบแก้เครียด และไม่เหม็น...
******************************************************
ถึงแม้นว่าวิทยาการของวิทยาศาสตร์ด้านต่างๆ จะก้าวไปไกลแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังล้าหลังกฏแห่งกรรมอยู่ดี
******************************************************
คนที่เข้าใจระบบกฏแห่งกรรมอย่างดี เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายแต่อย่างใด
******************************************************
ทุกอย่างมีเหตุมีผลชัดเจน เพียงแต่เราไม่รู้ถึงเหตุต้นก็เท่านั้นเอง
คุณเลี้ยงแมว เพราะคุณมีภาระพูกพันธ์จากอดีตชาติ ภาระของคุณจะหมดลงได้
ก็คือมันตายหมดแล้ว หรือไปอยู่ที่อื่น ฟังดูอาจจะเป็นไปไม่ได้ หรือหาสาระอันใดมิได้
การทำหมันแค่สิ้นสุดเพียงชาตินี้ แต่ชาติหน้า ก็ต้องชดใช้คืนเขา
******************************************************
ขออภัยท่านผู้รู้ทุกๆท่านจากใจจริง ที่ได้กล่าวเช่นนี้ออกมา
เพียงแต่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่ได้สั่งสมมา
และได้พบเห็นมาให้ได้ฟังก็เท่านั้นเองครับ
******************************************************
ผมเป็นแค่คนทำซีดีพระอาจารย์มั่นแจกในเว็บไซด์แห่งนี้ เท่านั้น
ไม่ได้เป็นผู้วิเศษมาจากใหน ไม่กล้าสอนหรือแนะนำผู้ใด
เพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นอีกเส้นทางกรรมอีกเส้นทางหนึ่ง
หากว่าจะเลือกเดินทางนั้น
******************************************************
สรุป...
จะทำหมัน หรือทำแท้ง ก็คือการห้ามการเกิดของผู้อื่น
แมวพูดไม่ได้เหมือนคน ว่าอยากจะทำหมัน
สัตว์สมสู่แค่ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง และการสมสู่กันนั้นก็เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์
แต่คนเรานั้น สมสู่กันได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ หากว่าต้องการ
ลองพิจารณาดูเองครับ
******************************************************
******************************************************
ข้างบ้านของผม เธอแท้งลูกมาแล้วถึง 3 ครั้ง
ครั้งแรก ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 1 เดือน
ครั้งสอง ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน
ครั้งที่สาม ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน
******************************************************
หลังจากนั้น เธอจะมีอาการเกี่ยวกับระบบช่องท้องอยู่ตลอดเวลา
นับถึงเวลาที่แท้งจนถึงบัดนี้ ก็เกือบปีแล้ว อาการของเธอก็แค่ทุเลา
หากจะกล่าวถึงการแท้งบุตรถึง 3 ครั้ง และอาการปวดท้องที่หมอเองก็ไม่ทราบอาการ
ที่แน่ชัด จ่ายยาไม่ถูก ได้แต่รักษาตามอาการนั้น.....ผลของมันก็คือ
"การห้ามการเกิดของผู้อื่นในอดีตทั้งสิ้น"
******************************************************
ใครจะว่าอย่างไร สนับสนุนอย่างไร ก็ช่างเขา แต่อย่าลืมว่าคนที่รับกรรมหนักที่สุด
ก็คือผู้กระทำเอง
******************************************************
แพทย์ที่ผู้ป่วยยินยอมให้ทำแท้ง เพราะลูกไม่สมบูรณ์นั้น ก็ยังจัดว่าบาป
บาปเพราะไปห้ามการเกิดของผู้อื่น บาปที่ไปห้ามการชดใช้กรรมของผู้อื่น
******************************************************
ศีล 5 คือ ฐานทั้ง 5 ของชีวิต ศีล หรือ ศีละ แปลว่า ปกติ
นั่นย่อมหมายความไปด้วยว่า ปกติของมนุษย์นั้น มีสิ่งที่ควรทำอยู่ 5 อย่าง
นั่นคือ
1. ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
2. ไม่นิยมในทรัพย์ของผู้อื่น
3. ไม่นิยมในของรักของหวงของผู้อื่น
4. ไม่พูดจาโป้ปด
5. ไม่กินหรือดื่นของมึนเมาหมักดอง
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ เราเอาศีล 5 มาแปลความผิด
จากคำว่า "ไม่" กลายเป็น "ไม่ควร"
จากคำว่า "ไม่ควร" กลายเป็น "เว้น"
จากคำว่า "เว้น" กลายเป็น "ตามความเหมาะสม"
******************************************************
ผมตอบด้วยปัญญาอันน้อยนิดเท่านั้น ไม่ได้มีฌาณ ไม่ได้มีญาณรู้เห็นอะไรทั้งนั้น
******************************************************
คนสูบบุหรี่ เขาสูบเพราะเขาชอบ เมื่อมีคนมาถามว่าเขาสูบทำไม ไม่เหม็นเหรอ
เขาก็จะตอบว่า เขาสูบแก้เครียด และไม่เหม็น...
******************************************************
ถึงแม้นว่าวิทยาการของวิทยาศาสตร์ด้านต่างๆ จะก้าวไปไกลแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังล้าหลังกฏแห่งกรรมอยู่ดี
******************************************************
คนที่เข้าใจระบบกฏแห่งกรรมอย่างดี เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายแต่อย่างใด
******************************************************
ทุกอย่างมีเหตุมีผลชัดเจน เพียงแต่เราไม่รู้ถึงเหตุต้นก็เท่านั้นเอง
คุณเลี้ยงแมว เพราะคุณมีภาระพูกพันธ์จากอดีตชาติ ภาระของคุณจะหมดลงได้
ก็คือมันตายหมดแล้ว หรือไปอยู่ที่อื่น ฟังดูอาจจะเป็นไปไม่ได้ หรือหาสาระอันใดมิได้
การทำหมันแค่สิ้นสุดเพียงชาตินี้ แต่ชาติหน้า ก็ต้องชดใช้คืนเขา
******************************************************
ขออภัยท่านผู้รู้ทุกๆท่านจากใจจริง ที่ได้กล่าวเช่นนี้ออกมา
เพียงแต่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่ได้สั่งสมมา
และได้พบเห็นมาให้ได้ฟังก็เท่านั้นเองครับ
******************************************************
ผมเป็นแค่คนทำซีดีพระอาจารย์มั่นแจกในเว็บไซด์แห่งนี้ เท่านั้น
ไม่ได้เป็นผู้วิเศษมาจากใหน ไม่กล้าสอนหรือแนะนำผู้ใด
เพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นอีกเส้นทางกรรมอีกเส้นทางหนึ่ง
หากว่าจะเลือกเดินทางนั้น
******************************************************
สรุป...
จะทำหมัน หรือทำแท้ง ก็คือการห้ามการเกิดของผู้อื่น
แมวพูดไม่ได้เหมือนคน ว่าอยากจะทำหมัน
สัตว์สมสู่แค่ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง และการสมสู่กันนั้นก็เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์
แต่คนเรานั้น สมสู่กันได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ หากว่าต้องการ
ลองพิจารณาดูเองครับ
******************************************************
คุณ gum ครับ
ผมว่าคุณ gum กำลังเข้าใจผิดอย่างแรงที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสว่า การทำผิดศีล 5 เป็นบาป ก็ต่อเมื่อมีจิตเจตนาเป็นอกุศลขณะกระทำ ถ้าทำผิดศีล 5 ด้วยจิตเจตนาเป็นกุศล นั่นคือกุศล ครับ
เพราะฉะนั้น การที่ใครจะพูดว่า ไม่..ไม่ควร..งดเว้น หรือ "ตามความเหมาะสม" เป็นเรื่องความเข้าใจศาสนาของเขาเอง
ถ้าคุณเป็นคนเคร่งแบบผิดๆ ยึดเอาว่า ผิดศีล 5 ทุกอย่างบาปทั้งนั้น = คุณต้องใช้คำว่า"เว้น หรืองด"
ถ้าคุณเป็นคนที่พอมีเหตุผลบ้าง ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ทำเช่นนั้น เช่น โกหก เพื่ออะไร? ถ้าเพื่อไม่ให้ผู้ฟังเสียใจ = คุณต้องใช้คำว่า "ตามความเหมาะสม"
ถ้าคุณไม่แน่ใจในเรื่องศีล 5 = คุณต้องใช้คำว่า "ไม่ควร"
คุณ gum ครับ
ผมว่าคุณเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องพุทธศาสนาเลย และเคร่งแบบผิดๆ
- ทำแท้ง ก็คือการห้ามการเกิดของผู้อื่น ส่วนใหญ่ 98% มีจิตเจตนาเป็นอกุศลขณะกระทำ = บาป
- ทำหมัน ก็คือการห้ามการเกิดของผู้อื่นเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ของผู้ไปทำหมัน มีจิตเจตนาเป็นกุศลขณะกระทำ = บุญ และเป็นมหากุศลด้วย
และบุญนี้ถือเป็นมหากุศลด้วย เพราะทั้งๆที่รู้ว่าผิดศีล 5 เขาก้ยังทำ ด้วยจิตที่เมตตา กรุรา สงสารสัตว์อื่น กลัวว่าลูกหลานของมันจะอดอยาก เป็นแมว หมาเร่ร่อน และเป็นภาระสังคม
สัตว์สมสู่ได้ปีละ 2 ครั้ง แต่ออกลูกได้ครั้งละ 3-7 ตัวนะครับ 5 ปีออกลูกมา 20 ตัว ใครจะหาอาหารให้พวกมัน เป้นเหตุให้มีหมาเร่ร่อน แมวเร่ร่อน เต็มเมือง เพราะคนที่ไม่รู้จักศีลธรรมแบบคุณ มันมีเต็มเมือง ไม่มีการคุมกำเนิดสัตว์
คนออกลูกได้ครั้งละหนึ่ง แต่ด้วยความยากจน ความอาย สุดท้ายก็ทิ้งลูก
ตราบใดที่คุณยังไม่มีความเมตตากรุณาอยู่ในใจ คุณย่อมไม่เข้าใจพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ผมว่าใครจะว่าบาปก็ช่างเถอะในการทำหมันแมวผมเองไม่ได้อยากจะเลี้ยงแมวเลยมันมาขออยู่ด้วยมาจากที่อื่นก็ต้องเลี้ยงมันไปและมันก็ออกลูกไป3คลอกละเป็นภาระต้องหาคนเลี้ยงแจกจ่ายไปแมวเองก็ไม่ยอมไปไหนด้วยก็สงสารมันถ้าจะอยู่ด้วยก็ต้องทำหมันให้มันเพราะมันเองก็เลี้ยงตัวมันเองไม่ได้แต่ไม่ได้ยึดติดกะมันมันจะไปไหนก็เรื่องของมันถึงเวลาหิวก็มากินเองเรามีจิตกุศลจะเลี้ยงมันเท่าที่มันมีชีวิตอยู่ส่วนใครว่าจะบาปนั้นผลทำให้มีลูกยากนั้นผมไม่แครนะเด็กสมัยนี้เลี้ยงยากทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์การมีสามีมีลูกมีเมียก็เป็นทุกข์เหมือนกันถ้าจิตมีความเมตตาต่อสัตว์ถือเป็นกุศลถ้าปล่อยให้สัตว์เกิดมาแล้วมีชีวิตที่ไม่ดีแล้วจะเป็นบุญได้อย่างไรอีกอย่างเราไม่ได้ทำแท้งสัตว์นิสัตว์ยังไม่ได้ปฎิสนธิเกิดไม่ได้ฆ่าสัตว์ผมว่าเอาเป้นว่าเรามีจิตกุศลคิดดีแล้วเราสบายใจนั้นละคือบุญถ้าอะไรที่เราเป็นทุกข์นั้นละคือบาปให้เราเชื่อตัวเองดีกว่าคนเราหลายคนก็หลายทฤษดีมีศาสนาหนึ่งเขาก็พูดทำนองนี้ว่าการทำให้ผิดธรรมชาติบาปและการพลีชีพทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไม่บาปหรือฆ่าตัวเองด้วย5555
