สัตว์ทั้งหลายมีกรรมของตน (เล่าเรื่องนายโคบาล) : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เหมือนอย่างในเรื่องของนายโคบาลแต่ครั้งพระพุทธเจ้านั้น
เมื่อไปตั้งฟาร์มเลี้ยงโคอยู่ในทุ่งแห่งหนึ่ง
แล้วก็มาทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปสู่ที่ของตน
พระองค์พิจารณาเห็นว่า อินทรีย์บารมีเขายังไม่แก่กล้า
ก็ยังไม่เสด็จไปก่อน บัดนี้เขาผู้มีบารมีติดตัวมา
เขาก็พยายามบำเพ็ญอินทรีย์ไป บำเพ็ญบารมีไป
คือว่าพยายามภาวนาอบรมจิตใจให้เข้มแข็ง
ให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณพระรัตนตรัย
พิจารณาเห็นสังขารนามรูปเป็นของไม่เที่ยงไม่ยั่งยืนไป
และทำให้อินทรีย์มันแก่กล้าขึ้นไป
เมื่ออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ไปต้องข่ายพระญาณของพระองค์
เมื่อนั้นแหละพระองค์จึงได้เสด็จไปสู่สำนักของนายโคบาลนั้น
ไปก็ไปพักอยู่ รุ่งเช้านายโคบาลก็ถวายภัตตาหาร
แด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ที่ตามเสด็จ
เสร็จแล้วพระองค์ก็แสดงธรรมให้นายโคบาลฟัง
จบลงนายโคบาลก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล
ได้ปฏิญาณตนถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เสร็จแล้วพระองค์ก็เสด็จกลับ
นายโคบาลก็ตามส่งพระองค์มาชั่วระยะหนึ่ง
แล้วก็ทูลลาพระองค์กลับไปที่อยู่ของตน
ในขณะที่กลับไปไม่ไกลนักถูกวัวแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่ง
ชนเอา ล้มลงถึงแก่กรรมไป
พระสงฆ์บางองค์บางรูปไม่รู้เรื่องดีก็ยังกล่าวตู่พระองค์น่ะ
“เพราะพระองค์เสด็จมานี่แหละ
นายโคบาลจึงได้ถึงซึ่งความตาย”
อืม พระสงฆ์ในสมัยนั้นก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะ
นั่นแหละทั้งที่พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าถึงขนาดนั้น
ก็ยังไปกล่าวตู่พระองค์ได้อยู่ พระองค์จึงตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุ ถึงเราตถาคตจะมาหรือไม่มา
เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน
ผู้ใดทำกรรมอันใดไว้ ต้องได้รับผลแห่งกรรมอันนั้น"
นั่นแสดงว่า นายโคบาลนั้นเป็นผู้มีกรรมมีเวรมาแต่ก่อน
กรรมเวรนั่นตามมาสนองเอา นี่แหละคนเรา
ทำทั้งบุญทั้งบาปมันเป็นอย่างนี้ ชี้ให้ฟัง
ส่วนบุญมันก็บุญไป บุญให้ผลก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล
เป็นอริยบุคคลในพุทธศาสนา
บัดนี้มาถึงวาระบาปที่ตนทำมามาให้ผล
มันก็ดลบันดาลให้ล้มให้ตายไปปัจจุบันทันด่วน
แต่เขาตายนี่มันจะตายแบบไหนก็ช่าง
ถ้าเมื่อเขาได้บรรลุ "โลกุตตรธรรม" แล้ว
เขาไม่ได้ไปสู่นรกอบายภูมิ มันก็ไปสู่สุคติโลกสวรรค์นู้น
สำหรับพระโสดาบันแล้วชอบไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเป็นส่วนมาก
นี่ยกตัวอย่างให้ฟังว่า คนเราน่ะทำทั้งกรรมดีกรรมชั่ว
ปนเปกันมามันก็เป็นอย่างนี้แหละ
เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดคิดว่า ตนนั้นแหละไม่ต้องการเลยแบบนี้
ชีวิตแบบนี้ ก็พยายามเว้นจากกรรมอันชั่วให้หมดไปเสีย
อย่าไปคิดเบียดเบียนใคร อย่าไปทำทุกข์ให้แก่ใคร
มีตั้งแต่ทำความดีเอื้อเฟื้อเกื้อกูลแก่บุคคลอื่นและสัตว์อื่นไป
เช่นนี้ผู้นั้นก็จะไม่มีกรรมมีเวรอันชั่วร้ายติดตามไป
จะไปเกิดในภพใดชาติใดก็มีชีวิตเป็นอยู่อย่างราบรื่น
ไม่มีเวรไม่มีภัย ไม่มีศัตรูมาจองล้างจองผลาญ เป็นอย่างนั้น
เหตุปัจจัยแห่งชีวิตคนเรานี่น่ะ เราก็สันนิษฐานดูก็ได้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "กรรมปางก่อน"