ตกน้ำตกทะเลธรรมดา นี่ยังไม่ร้ายเท่าตกทะเลตา หู จมูก ลิ้น กายใจ
ทะเลใจ
ตกน้ำตกทะเลธรรมดา นี่ยังไม่ร้ายเท่าตกทะเลตา หู จมูก ลิ้น กายใจ
- พุทธทาสภิกขุ -
ไม่จมอยู่ในโลก
"โลก" ในทางวัตถุก็คือแผ่นดิน ไอ้โลกอย่างที่เรารู้จักกันอยู่ดี มันจมไม่ได้ มันเป็นดิน มันจมลงไปไม่ได้ ฉะนั้นคำว่าโลกหรือธรรมะระดับโลกนั้น มันหมายถึงอย่างอื่น
"โลก" คือ สิ่งที่รู้สึกได้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
- รูป เมื่อได้กระทบกับตานั่นแหละมันจะเป็นโลกทางตา
- เสียง นั้นเป็นโลกที่เราจะรู้สึกได้ทางหู ถ้าเราไม่มีหู เสียงก็ไม่มีในโลก
- กลิ่น ในโลกก็เป็นตัวโลกนั่นแหละ เรียกว่าโลก สำหรับจมูกรู้สึก
- รส ที่มีอยู่ก็เป็นตัวโลกที่จะรู้สึกได้ด้วยลิ้น
- สัมผัสผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ที่นิ่มนวล ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความรู้สึกทางกามารมณ์ เป็นโลกสำหรับจะรู้สึกได้ด้วยผิวหนัง
- ใจมันจะรู้สึกได้ก็เป็นโลกภายใน อีกอันหนึ่ง แต่เขาก็เรียกว่าโลกเหมือนกัน เป็นโลกทางใจโดยตรง จะรู้จักได้ด้วยใจ
เดี๋ยวนี้เรากำลังหวังจะได้สิ่งสวยงาม เอร็ดอร่อย สนุกสนานกันอยู่ทุกคน ก็เลยอยากจะเตือนว่าให้ระวังให้ดี อย่าถึงกับจมลงไปในสิ่งเหล่านั้น ถ้าปล่อยไปตามไอ้ความรู้สึกธรรมดาสามัญแล้ว อาจจะจมได้โดยไม่ทันรู้ เหมือนกับเราเดินไปในโคลนแล้วจมโคลนหรือจมลงไปในน้ำโดยไม่ได้ระมัดระวัง
#จมน้ำร้อนหรือจมน้ำเย็น
คำว่าจมในภาษาธรรมะนี้ #จมได้ทั้งสิ่งที่น่ารักและน่าเกลียด ถ้าไปมัวโกรธมันก็จมอยู่ในความโกรธ เหมือนกับจมอยู่ในน้ำร้อนนะ ถ้าเราไปรักมันก็เหมือนกับจมอยู่ในน้ำที่ไม่ร้อน จะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่อยากจะขึ้นมา
ตกน้ำตกทะเลธรรมดา นี่ยังไม่ร้ายเท่ากับตกทะเลตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ทางเพศตรงกันข้าม ก็เป็นมหาสมุทรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่ามหาสมุทร แล้วใจตกลงไปมันขึ้นมาไม่ได้นี่คือคำว่า #จมโลก
ถ้าเราไปหลงรักในสิ่งใดก็เราจมลงไปในสิ่งนั้น นั่นก็เรียกว่าจมโลก
#อย่าหลงรักหลงเกลียดสิ่งที่มากระทบ
ถ้าเราปฏิบัติถูกต้องตามทางธรรมแล้ว โลกนี้ก็ไม่เป็นความทุกข์ หมายความว่าเรายังมีโลกโดยที่ไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะตาก็ยังอยู่ หูก็ยังอยู่ จมูกก็ยังอยู่ แล้วก็รู้จักรูป เสียง กลิ่น รสที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้นน่ะอยู่แต่ชนิดที่ไม่เป็นทุกข์
ข้อที่สอนว่าอย่าไปหลงรัก อย่าไปหลงเกลียดนั่นน่ะเป็นหลักสำคัญ ถ้าไปหลงรักก็ทุกข์อย่างเพราะไปรักเข้า ถ้าไปเกลียดเข้าก็จะมีความทุกข์อย่างไปเกลียดเข้า
อย่าให้จิตใจพลัดลงไปในเรื่องของความรัก อย่าให้จิตใจพลัดลงไปในเรื่องของความเกลียด ก็เลยตั้งอยู่อย่างปกติได้ นั่นน่ะคือความไม่มีทุกข์
นี่พูดมันง่าย เราทำมันยาก...เอ้าทีนี้ถ้าทำไม่ได้มันก็ต้องเป็นทุกข์สิ ก็จะต้องพยายามที่จะทำให้ได้ และจะศึกษาต่อไปเพื่อทำให้ได้
#อยากจม
บางคนจะไม่เอา อยากจะมีทุกข์ เพราะมันสนุก คืออยากจะเข้าไปในความรัก ทั้งที่รู้ว่าเป็นความทุกข์
หรือบางทีก็อยากจะโกรธอยากจะเกลียดในบางกรณีด้วยซ้ำไป มันสนุกดี ได้โกรธเขา ได้ด่าเขา ได้ตีเขา นี่มันก็สนุกดีเหมือนกัน ก็บังคับไว้ไม่ค่อยอยู่
บางคนจะรู้สึกไปแต่ในทางว่าจมในเรื่องสวยงาม เอร็ดอร่อย เรื่องกามารมณ์ จมแต่เรื่องกามารมณ์ นี่ก็ถูก แล้วถูกอย่างยิ่งนะ
ถ้ารู้จักคำว่าจมในกามารมณ์ นี่ก็นับว่าฉลาดขึ้นมาตั้งครึ่งค่อนแล้ว แต่ถ้าจะฉลาดให้สมบูรณ์ต้องรู้ว่ามันยังมีการจมแม้ในสิ่งที่ไม่น่ารักไม่น่าพอใจ คือไปมัวหลงโกรธหลงเกลียดหลงอะไรกันอยู่
ถ้าเช่นถ้าเรามีศัตรู เขาก็ต้องลำบากใจหรือเรื่องเห็นหน้าศัตรู ได้ยินเสียงศัตรู คิดถึงศัตรูเมื่อไรก็เดือดร้อนใจเมื่อนั้น นี่ก็เป็นการจมอีกชนิดหนึ่ง ตรงกันข้ามกับว่าจมในเรื่องรัก เรื่องสวยเรื่องงาม ฉะนั้น #จมโลกนี่คือจมทั้งฝ่ายยินดีและฝ่ายยินร้าย
โลกที่มันจะเป็นน้ำสำหรับให้จมมันก็ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจอย่างที่ว่ามาแล้ว แต่นี่จะระบุให้ชัดลงไปอีกที่มันเป็นอยู่จริง ๆ เนื่องกันอยู่กับไอ้สิ่งนี้ก็คือ “โลกธรรม”
.
#โลกธรรมแปลว่าสิ่งประจำโลก มีอยู่ ๔ คู่ ๘ อย่าง
-ความได้ลาภและความเสื่อมลาภคู่หนึ่ง
- ความได้ยศได้เกียรติแล้วก็เสื่อมยศเสื่อมเกียรตินี่คู่หนึ่ง
- ความได้สุขความพอใจและความได้ทุกข์ที่ไม่พอใจ นี่อีกคู่หนึ่ง
- แล้วก็นินทาแล้วก็สรรเสริญอีกคู่หนึ่ง
คิดดู สังเกตดู มันเต็มไปหมดทุกหนทุกแห่งไอ้ ๔ อย่างนี้ แล้วก็จะเกี่ยวข้องกับเราอยู่ด้วยเหมือนกันตลอดเวลา
เราอยากจะได้ลาภ อยากจะได้อะไรนี่มันไม่ได้ แล้วบางทีมันก็ได้ บางทีมันก็ไม่ได้ ไอ้ได้แล้วมันกลับหายไป กลายเป็นไม่ได้ แล้วเราอยากมันมากเกินไปมันก็มีความไม่ได้มากขึ้น ฉะนั้น เราจึงได้ลาภหรือเสื่อมลาภสลับกันอยู่อย่างนี้
อย่าแปลก อย่าแปลกใจ การที่เขาจะนินทาอะไรบ้างนี่อย่าแปลกใจ หรือเขาจะไม่ให้เกียรติอย่าแปลกใจ เป็นธรรมดาในโลก
ฉะนั้น จำไว้ให้ดีว่าไอ้ ๔ คู่ ๘ อย่างนี้เหมือนกับน้ำในโลก เป็นน้ำเย็นกับน้ำร้อน เดี๋ยวก็ตกน้ำเย็น เดี๋ยวก็ตกน้ำร้อน อย่าตกเลยดีกว่า ไม่จมโลก ไม่จมอยู่ในโลกธรรม
พระอรหันต์ก็คือผู้ที่ไม่จมอยู่ในโลกธรรมอีกต่อไป ที่รอง ๆ ลงมาก็จมบ้างไม่มากนัก ถ้าปุถุชนคนธรรมดาก็จมอยู่เต็มที่
เราเป็นคนพวกไหนตัดสินเอาด้วยตนเอง ไม่ต้องให้มีใครมาช่วยตัดสิน
เราเป็นเด็กกันมาแล้วทุกคน เมื่อเราเป็นเด็กเราชอบยอใช่ไหม เด็กคนไหนไม่ชอบยอ แทบจะหาไม่ได้ แล้วเคยเป็นเด็กกันมาทุกคนแล้วก็ชอบยอ แล้วเมื่อเราได้รับการยกยอ เราไม่ได้รู้สึกว่าเราตกน้ำหรือจมน้ำใช่ไหม นี่มันมองไม่เป็นหรือมองไม่เห็น มันคนละระดับ
ฉะนั้น ถ้าเขาว่าเรา เขาด่าเรา เขากดขี่ดูหมิ่นเรา นี่มันเห็นง่าย เราไม่ชอบ แล้วก็จมลงไปในไอ้ความเป็นทุกข์ ท่าทีที่เขายกยอสรรเสริญ ประเล้าประโลมนี่เรากลับว่าเอ้อ!ดี เราไม่ได้เสียอะไร แต่เดี๋ยวนี้มาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องดูให้ดีๆ
.
#จมในความรักโกรธกลัวเศร้า
เราจงจดจำไว้สำหรับตั้งข้อสังเกตศึกษาต่อไป เพราะที่แล้วมา #เราไม่เคยคิดว่าเราจม แม้ในสิ่งที่เรารักจนหลงใหลไป เพราะเราไม่ได้คิดว่าเราจมอยู่ในสิ่งนั้น เว้นไว้แต่เราจะได้ยินได้ฟังบ้างอย่างนี้เราจึงจะรู้ว่ามันจม จมอยู่ในความรักของรัก
ทีนี้ที่ว่าจมอยู่ในความโกรธความไอ้เกลียดนี่ เรายังไม่ค่อยเคยคิด หรือมันจะเลยไปถึงว่าในความกลัวในความเศร้าโศกนี่ก็เรียกว่าจมเหมือนกัน
ถ้าเราอยู่ด้วยความกลัว อย่างที่เขาพูดกันว่าอาณาจักรแห่งความกลัวตลอดเวลานี้ก็เรียกว่าจมโลกเหมือนกัน โลกที่น่าเกลียดน่ากลัวอีกแบบหนึ่ง
หรือว่าเป็นคนเศร้าตลอดไปนี้ ไม่มีเหตุผล นี่มันก็จมอยู่ในโลกอีกแบบหนึ่งซึ่งน่ากลัวเหมือนกัน
ล้วนแต่เป็นการจมทั้งนั้นน่ะ ถ้ามีการโง่เมื่อไรก็มีการจมเมื่อนั้น โง่ในของรักมันก็จมในของรัก โง่ในของเกลียดก็จมของเกลียด โง่ในของน่ากลัวก็จมของความกลัว โง่ในเรื่องที่ทำให้เศร้าจนเศร้าไป มันก็จมในความเศร้า อย่าจมอะไรดีกว่า
รวมความว่าอย่าจมโลก แม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างโลก ๆ นะ ก็อย่าได้จมลงไปในโลก ถ้าสมมติว่าพวกเราเรียนเสร็จมีอาชีพดี มีเงินมาก มีทรัพย์สมบัติมาก มีเกียรติยศชื่อเสียงมาก มีอะไรอำนาจวาสนามาก ก็ระวังอย่าจมลงไปในนั้น
อย่าจมลงไปในไอ้ความรวย หรือว่าความมีเกียรติ หรือไอ้ความมีอำนาจวาสนา ถ้าจมลงไปแล้วมันก็มีความทุกข์เหมือนกันนะ
สมมติว่าเราจมลงไปในกองเงินกองทอง มันจะหายใจออกเหรอ ไม่ต้องจมน้ำหรอก นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่มันเป็นอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เข้ามาแล้วมันจมไม่ได้ ถ้าจมแล้วก็เหมือนกับจมน้ำหายใจไม่ออกคือมีความทุกข์
เรารู้กันไว้เสียเดี๋ยวนี้ เราไม่จมในฝ่ายผิด จนไปทำผิดหมด แล้วก็ไม่จมแม้ในฝ่ายถูกแม้ว่าเราทำถูก ได้ผลมาเป็นที่น่าพอใจก็อย่าไปหลงใหลกัน อย่าไปจมลงไปในผลของความถูก เลยไม่จมทั้งฝ่ายโน้นและฝ่ายนี้
.
#ผู้ชนะโลก
ฝ่ายที่น่ายินดี ก็ไม่จม ฝ่ายที่น่ายินร้ายก็ไม่จม นี่คือผู้ชนะ ชนะทุกอย่าง ชนะโลกทั้งโลก เป็นสิ่งที่ทำได้ พูดแล้วไม่น่าเชื่อ
ไอ้ที่เราจะชนะโลกอย่างไอ้รบราฆ่าฟันกันนั้นมันเป็นของหลอกๆ ของเด็กอมมือ แล้วก็ไม่มีใครทำได้ แต่ว่าเราจะชนะโลกตามแบบของพระพุทธเจ้านี่น่ะได้ คือไม่จมลงไปในไอ้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
ไม่มีอะไรในโลกมาทำให้เราเป็นทุกข์ได้ ถ้าเราอยู่เหนือเสมอ อย่างนี้เรียกว่าชนะโลก ชนะทุกโลก ไม่หลงใหลในโลกมนุษย์ โลกเทวดา โลกอะไรก็ตาม ไม่หลงใหลทั้งนั้น มีจิตใจเป็นอิสระ อยู่จนกว่าว่าไอ้ร่างกายนี้มันจะดับไป จิตใจนี้มันก็สิ้นสุดไป ก็หมดเรื่องไป
ตลอดเวลา ตลอดชีวิตนี้ ไม่มีความทุกข์เลย
พุทธทาสภิกขุ
#สงบเย็นและเป็นประโยชน์ #สวนโมกข์กรุงเทพ ดูน้อยลง