ต้นแบบที่ดีงามของความสมบูรณ์แบบไม่ได้มุ่งเพียงผลในระยะสั้น แต่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและความสัมพันธ์ระยะยาวเป็นหลัก
คนที่ยึดความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) มักจะหมกมุ่นกับข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยที่สุด และร้อนกรุ่นในใจเมื่อไม่มีใครเห็นความสำคัญอย่างที่ตนเห็น คนแบบนี้มักจะเป็นทุกข์เพราะเครียดและกังวลเรื่องงาน และพาลใส่คนรอบข้างโดยเฉพาะผู้ร่วมงาน
คนที่ยึดความสมบูรณ์แบบอาจดูคล้ายกับอยู่ในระดับสูงกว่าเราทั้งหลาย อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริง คนที่เป็นแบบนี้หาใช่นักรบผู้กล้าที่มุ่งสู่ชัยชนะไม่ แต่เป็นผู้ติดหล่มอยู่ในร่องลึกของความสมบูรณ์แบบต่างหาก
อาตมาคิดว่าการยึดความสมบูรณ์แบบไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด ปัญหาอยู่ที่เราให้ความหมายของคำนี้แคบเกินไป อาตมาอยากเสนอให้ขยายความให้รวมไปถึงความดีพร้อมทางการกระทำและอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ยึดความสมบูรณ์แบบด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าผลงานดีจนเกือบไม่มีที่ติเกิดจากความทุจริต การข้ามขั้นตอน หรือการข่มเหงผู้อื่น ด้วยเหตุพื้นฐานดังกล่าว ผลงานที่ว่าย่อมไม่สมบูรณ์แบบ หรือหากผลงานดีเลิศ แต่ผู้ทำงานนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง ซึมเศร้าหรือสิ้นหวัง ในลักษณะเช่นนี้ ความบกพร่องไม่สมบูรณ์หลักๆ ย่อมไม่ได้อยู่ที่ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของผลงาน แต่อยู่ที่ปฏิกิริยาตอบสนองโดยขาดวุฒิภาวะของผู้สร้างงานดังกล่าวนั่นเอง
ต้นแบบที่ดีงามของความสมบูรณ์แบบไม่ได้มุ่งเพียงผลในระยะสั้น แต่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและความสัมพันธ์ระยะยาวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์ตลอดกาล
เราอยู่ในโลกที่มีความไม่สมบูรณ์พร้อมและแปรเปลี่ยนอยู่เสมอเป็นธรรมดา จากเงื่อนไขในปัจจุบันเช่นนี้ ความสมบูรณ์แบบคือการผสานสีสันต่างๆ ให้กลมกลืนกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ