เราอาจจะได้ความสงบแบบหนึ่ง เมื่อปิดหูปิดตาต่อความเปราะบางและไม่มั่นคงของชีวิต แต่จะได้ความสงบอันยิ่งกว่าด้วยการเปิดตารับรู้ความเป็นไปของสิ่งต่างๆ
บ่ายวันก่อน อาตมานั่งอยู่กับพระรูปหนึ่งในศาลามุงจากที่อาศรม ฝนตกปรอยๆ อากาศเย็นสบาย มองไปทางทิศใต้ มีพระพุทธรูปหินองค์ใหญ่ดูงามสงบใต้ร่มไม้ที่มีสระบัวล้อมรอบ เลยจากองค์พระไปไกลลิบ เห็นเทือกเขาในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นเงาทาบกับท้องฟ้าเกลื่อนเมฆ
ทันใดนั้น สายตาอาตมาก็สะดุดกับอะไรไหวๆ ตรงหน้าองค์พระพุทธรูป จึงลุกขึ้นไปดู พอใกล้สระบัวก็เห็นงูจงอางกำลังคาบกบตัวใหญ่ กบคงจะตกใจสุดขีด มันจึงดิ้นอยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะถอดใจและไม่ขัดขืนอะไรนัก มันคงรู้ตัวว่ายังไงก็หนีไม่พ้นและต้องตายแน่ๆ ครู่ต่อมา งูจงอางก็คาบอาหารอันโอชะเลื้อยกลับรังตรงโคนไม้ อาตมาและพระที่อยู่ด้วยกันก็กลับมาสนทนากันต่อ
เราอาจจะได้ความสงบแบบหนึ่ง เมื่อปิดหูปิดตาต่อความเปราะบางและไม่มั่นคงของชีวิต แต่จะได้ความสงบอันยิ่งกว่าด้วยการเปิดตารับรู้ความเป็นไปของสิ่งต่างๆ เราไม่สู้กับความจริง เพียงแค่ยอมรับว่าเราไม่ต่างจากกบในโลกที่มีงูจงอางคอยจ้องจะฉกอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างนั้นเอง ชีวิตทุกขณะมีความหมายเพราะเรารู้ว่าทุกขณะอาจเป็นขณะสุดท้ายของเรา
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ