"กรรมเป็นสิ่งน่ากลัว" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ)
"กรรมเป็นสิ่งน่ากลัว"
" .. เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว "ไปเยี่ยมพระรูปหนึ่งที่ต่างจังหวัด" มีญาติโยมติดตามไปด้วยหลายคน ไปถึงกุฏิพระรูปนั้นเมื่อพลบค่ำ เปิดไฟในกุฏิแล้ว เมื่อนั่งเรียบร้อย "ยังไม่ทันได้ทักทายปราศรัยกันอย่างใดห้องข้าง ๆ กันที่ประตูปิดอยู่ก็เปิดผางออกด้วยแรงผลัก"
"มีหมาไม่เล็กนักตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องนั้น" อย่างเร่งร้อนและไม่ทันที่ใครจะรู้ตัว "เจ้าหมานั้นก็ปราดเข้าไปถึงญาติโยมผู้หนึ่งที่ติดตามไปด้วย พอถึงตัวญาติโยมผู้นั้น ก็ซุกหัวลงกับตัก" แล้วล้มตัวลงนอนนิ่ง อย่างเป็นที่น่าพิศวงนัก
พระเจ้าของกุฏิที่จ้องมองอยู่อุทานออกมาด้วยเสียงประหลาดใจและอธิบายให้ได้ยินทั่วกันว่า "หมาตัวนั้นเป็นหมาดุมาก ท่านจึงขังไว้ในห้องเมื่อรู้ว่าจะมีผู้มาถึงกุฏิ" เมื่อมันดันประตูออกมานั้นท่านตกใจมาก"แล้วท่านก็ต้องประหลาดใจในอาการกิริยาที่เจ้าหมานั้นแสดงต่อญาติโยมผู้ไปเยือนที่มิได้เคยรู้จักกับท่านเจ้าของกุฏิมาก่อน"
มิได้เคยไปที่กุฏินั้นมาก่อน "จึงไม่เคยรู้จักกับหมาตัวนั้นมาก่อนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นได้หรือไม่ ที่ครั้งหนึ่งในชาติหนึ่งคนกับหมาตัวนั้นจะเคยมีความเป็นมิตรสนิทสนมกัน" เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นมาถึงที่พัก ก็ตื่นเต้นดีใจไม่ยอมถูกกักขัง ลิงโลดไปทักทายปราศรัยในทันที บางทีจะเป็นจริงเช่นนี้ "ทั้งสองอาจจะเคยเป็นคน เป็นเพื่อนรักชอบกัน"
"คนหนึ่งมาตายจากไป และด้วยอำนาจแห่งกรรมที่ต้องได้กระทำไว้แน่ ควรแก่การต้องเกิดเป็นหมา" ก็ต้องเป็นไปตามกรรม "ขณะที่คนหนึ่งยังเป็นคน อีกคนหนึ่งเป็นหมาไปเสียแล้ว"
"กรรมน่ากลัวเช่นนี้ นี่มิใช่การขู่" แต่เป็นการพยายามคิดให้อาจเป็นจริงได้ นั่นก็คือ แม้เราไม่ระวังให้ดีที่สุด "วันหนึ่งเมื่อตายไปจากโลกนี้ อาจจะไปมีชีวิตใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน" เช่นเป็นหมาขี้เรื้อนตัวนั้นก็ได้ หรือถึงเป็นหมาแสนสวยอีกตัวหนึ่งก็ดี ก็ตาม ก็ยังหาใช่สิ่งควรยินดีพอใจไม่ มิใช่หรือ .. "
"แสงส่องใจ" วันวิสาขบูชา ๒๕๔๓
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร