"ทำความสงบใจอย่างไร"
" .. คือปกติใจนั้นไม่สงบ
"เวลาจะนอนมันก็ยังคิดยังปรุงไปตามกระแสของกิเลสที่ฉุดลากไป ให้ได้รับความกังวลวุ่นวายอยู่นั้นแล" เราให้สงบอารมณ์เหล่านั้นเสีย
"แล้วนำอารมณ์แห่งธรรมซึ่งเป็นอารมณ์น้ำดับไฟ คือความรุ่มร้อนของกิเลสให้เย็นลงด้วยคำบริกรรม" เช่น
"เราบริกรรมพุทโธ ๆ หรือธัมโม หรือสังโฆ" บทใดก็ได้ที่เราชอบใจตามจริตนิสัยของเรา
นำเข้ามาบริกรรมจิตใจของเรา
"นึกคำว่า พุทโธ ๆ มีสติกำกับอยู่กับคำว่า พุทโธ ๆ นั้นตลอดไป" สำรวมใจไม่ให้กิเลสฉุดลากออกไปคิดในแง่ต่าง ๆ นอกจากอรรถจากธรรมที่เราบริกรรมอยู่นี้เท่านั้น เราสำรวมระวังไว้ให้ดี
เมื่อเราสำรวมระวังไว้ด้วยดี โดยมีสติควบคุมอยู่เสมอแล้ว
"จิตใจของเราที่เคยคิดฟุ้งซ่านรำคาญนั้นจะค่อยสงบตัวเข้ามา" สงบตัวเข้ามาสู่ตัวเองแล้วปรากฏเป็นความสงบผ่องใส รื่นเริงขึ้นที่ใจของเรา ด้วยธรรมซึ่งเป็นน้ำดับไฟ ที่เราบริกรรมอยู่นี้ไปเรื่อย ๆ
นี่เรียกว่า
"น้ำดับไฟคือคำบริกรรม ดับความคิดปรุง" ความเดือดร้อนทั้งหลาย กลายเป็นใจที่สงบเย็นขึ้นมาภายในตัวของเรา
"นี่คือภาวนาได้ผล" คนที่มีการภาวนาจิตใจสงบลงแล้ว ตื่นขึ้นมาวันหลังนี้ มีความประหวัดมีความปฏิพัทธ์ยินดีในความสงบร่มเย็นจากผลแห่งการภาวนาของตนไม่ลดละ
แม้จะไปประกอบหน้าที่การงานใด ๆ ก็ตาม จิตย่อมประหวัด ๆ มาถึงการภาวนาที่ได้ผลเป็นที่พอใจอยู่โดยสม่ำเสมอ
"นี่คืออารมณ์ที่ถูกต้องดีงามแก่จิตใจ" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1757&CatID=2