ค้นหาในเว็บไซต์ :

โพธิสัตว์ฉัททันต์คำกลอน ภาค๓ ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย

 pt  

พอถึงยอด ทอดตา พาตื่นเต้น
ไทรใหญ่เด่น เห็นไกล ใต้เงื้อมหิน
ลึกจากผา สง่าสูง เกินยูงบิน
ดูใหญ่ยิ่ง มิ่งแคว้น แดนหิมพานต์

เขียวระรื่น ตื่นตา พาเคลิ้มฝัน
ใบสะพรั่ง บดบัง ตะวันฉาน
กิ่งสยาย รายรอบ ครอบทุกทาง
วัดจากกลาง สิบสองโยชน์ โอบจดกัน

มีม่านไทร ใหญ่น้อย ห้อยระย้า
ทอนประภา คราพัก พลายหลับฝัน
แปดพันย่าน พร่างตา เพลาวัน
ดุจสวรรค์ สรรค์สร้าง ช่างสบาย

ห่างร่มไทร สระใหญ่ ใสกระจ่าง
แลตระการ ยามแดด แผดแสงฉาย
ระลอกพลิ้ว ริ้ววาว พราวประกาย
เห็นเหนื่อยหาย คลายฟื้น คืนเรี่ยวแรง

ทันใดนั้น พื้นเลื่อนลั่น ฉับพลันสว่าง
ระยับวาม งามสี มีหกแสง
แผ่จากงา คชาเผือก ไม่เคลือบแคลง
แข่งพันแสง แรงเด่น เปล่งประกาย

เจ้าคชใหญ่ ย่างกราย ไปยังสระ
เคียงพารณะ พธู ดูสดใส
ฝูงบริวาร ตามห้อม ล้อมมากมาย
ยาวเป็นสาย รายลิบ ติดตามมา

ขรัวพรานไพร ใจตรอง พิศมองสาร
จักหาทาง ลงไป อย่างไรหนา
ให้อึดอัด ขัดใจ ไร้มรรคา
มองแผ่นฟ้า แผ่นดิน นิ่งเงียบงัน

แสนทุกข์หนัก นักหนา ปัญหาใหญ่
จักลงไทร อย่างไร ใคร่สิ้นหวัง
หลบแอบกิ่งไม้นอน ซ่อนกายบัง
รอกระทั่ง ช้างจากหมด ปรากฏกาย

พอเห็นนก ผกผิน บินถลา
ร่อนทาบหล้า ปัญญาผุด ทุกข์หลุดหาย
คว้าร่มหนัง พลันสั่งกราด ลูกหาบไป
ส่งถุงใส่ จอบคราด แลศาสตรา

บอกลูกน้อง ผองเจ้า เฝ้าสิงขร
แล้วคอยหย่อน ผ่อนเชือก จากเทือกผา
กองบนดิน สองวันสิ้น ข้าลับตา
พร้อมรอท่า ยื้อยุด เมื่อพลุดัง

หลังกำชับ ซักซ้อม พร้อมเสร็จสรรพ
เจ้าพรานตัด ใจพลัน หันกลับหลัง
เดินหาผา ตามองไทร ไม่อินัง
กางร่มหนัง ถลันโดด โลดลงไป

เสียงลมสี ฉวีกาย ให้ไหวจิต
ตั้งสติ ดำริมุ่ง พุ่งที่หมาย
แม้นถึงฆาต ยากหลบ คงตกตาย
แม้นไม่วาย ชีวาตม์ ยากปลิดปลง

แรงลมพา ถลาไป ไกลที่มั่น
พรานรีบดัน ร่มเบี่ยง เปลี่ยนสับสน
เอียงร่มซ้าย ย้ายขวา หน้าหลังจน
ปรับผสม ตรงแน่ว เข้าแนวไทร

มองเห็นไทร ใกล้กาย คลายอึดอัด
ค่อยขยับ ปรับลม ลงที่หมาย
ถึงยอดไทร ไม่ไหวลั่น กลั้นหายใจ
มองข้างใต้ ไร้เงา ผองเหล่ากรี

จึงถอนใจ เฮือกใหญ่ คลายหืดหอบ
หยิบกระบอก สอดร่มพับ กลับเข้าที่
เกาะกิ่งไม้ คลายล้า หาวิธี
มองหาที่ ขัดห้าง นั่งซ่อนกาย



ตกบ่ายแก่ แลไกล ให้ใจหวั่น
เห็นฉัททันต์ ขึ้นน้ำมา กายาใส
งาแพรวพราว วาววาม งามประกาย
เจ้าคชใหญ่ เดินเฉียดไทร ไปลานเตียน

ปล่อยพลพรรค พักไทร ไม่พบปะ
ปลีกตนผละ ไม่พักหมู่ หนวกหูเสียง
เดินเดียวดาย สบายนัก ลมพัดเวียน
ไกลจากเสียง สำเนียงร้อง ผองเหล่ากรี

ถึงลานเตียน เลี่ยนโล่ง เจ้าโขลงหยุด
ไร้โคบุตร พลุกพล่าน ช่างสุขี
สายลมไพร ไหวระรื่น ชื่นฤดี
ฟ้าอาบสี แดงเรื่อ สุขเหลือใจ

ท้าวฉัททันต์ เข้าภวังค์ ดื่มด่ำจิต
พริ้มตาปิด สนิทเห็น เช่นหลับใหล
น้ำเกาะกาย รายริน ซึมดินไป
เจ้าพรานให้ ไตร่ตรอง จ้องมองพลัน

น้ำไหลลาม เป็นทางริน ซึมดินหมด
เจ้าพรานจด ตาจ้อง ต้องสรวลสันต์
แสยะยิ้ม ฉัททันต์สิ้น ไม่นานครัน
ปลงใจมั่น ทรุดนั่งคบ หลับนกไป



ครั้นรุ่งสาย พลายพล มาตงค์เผ่า
พาฝูงเข้า ราวป่า ลับตาหาย
เจ้าพรานเห็น เผ่นห้าง ลงล่างไว้
เลือกต้นไม้ ใช้ขวาน จามลงพลัน

ตัดเป็นเสา ราววา ห้าหกท่อน
เลื่อยตัดทอน รอนกระดาน ตามทีหลัง
ไว้ประกับ กับเสา ยาวรับกัน
ถากเถาวัลย์ ฟั่นเปลือก เป็นเชือกตรึง

แล้วขุดหลุม รุนดิน ทิ้งในป่า
ลึกหนึ่งวา หน้าจตุรัส ปักเสาขึง
ผูกคานรัด มัดเสา สี่เส้าตรึง
กระดานขึง ทับคาน ต่างหลังคา

เจาะกระดาน กลางโหว่ โผล่หัวได้
เลื่อยแผ่นไม้ ไว้ปิดรู ดูเหมือนฝา
ทายางไม้ ผิวบน ขนดินมา
โรยทับฝา ติดหน้าแข็ง แกร่งเหมือนดิน

หยิบผ้ากา สาวพัสตร์ มาผลัดเปลี่ยน
แกะข้าวเกรียม เสบียงตาก สากดั่งหิน
แช่น้ำชุ่ม จนนุ่มจับ ค่อยตักกิน
เสร็จลงนิ่ง ในหลุม ซุ่มพักกาย



ผ่านโมงยาม ทรมาน ช่างนานเหลือ
นั่งนอนเบื่อ เหงื่อก็ไหล ไคลเหนอะหลาย
เสื้อเปียกชุ่ม กลิ่นเหม็นคลุ้ง ฟุ้งกระจาย
ยิ่งนานสาย กระวายกระวน จนรำคาญ

หยิบศรใหญ่ ยืดดึง ตึงสุดแขน
หน้าไม่แดง แรงพอ รอสังหาร
เจ้าคชินทร์ ให้แดดิ้น สิ้นชีพปราณ
แต่ช้างสาร ช่างนานมา พาร้อนรน

นั่งกลัดกลุ้ม ซุ่มฟัง สองวันผ่าน
เข้าวันสาม นรการ ลงธารสรง
หลังขึ้นสระ ฉัททันต์ พลันปลีกองค์
มุ่งหน้าตรง มาลาน สำราญใจ

ยืนโดดเดี่ยว เดียวดาย รอกายแห้ง
ตรงตำแหน่ง แห่งเดิม เพลินลมไหว
หลับตาปิด จิตภวังค์ ช่างสบาย
เย็นพระพาย ชายชื่น รื่นสราญ

น้ำเกาะองค์ ดมไร ไหลลงหล้า
หล่นกายา มาหลุม ซุ่มสังหาร
ซึมดินหยด ตกตัว หัวกบาล
พรานพุ่งพล่าน ดันฝาโหว่ โผล่มายิง

เสียงศรขวับ ปักท้อง สารร้องลั่น
ขรัวพรานพรั่น พลันหลบ กบดานสิง
ดึงฝาปิด มิดครอบ หมอบใต้ดิน
เหล่าพลายสิ้น ยกโขลง พุ่งตรงมา

ถึงลานใหญ่ ใจเต้น เห็นเจ้าสาร
ทรมาน อาการหนัก เป็นนักหนา
เลือดไหลหลาก จากท้อง นองพสุธา
ต่างโกรธา กราดเกรี้ยว เหลียวรอบกาย

เพ่งตาหา ปัจจามิตร คิดขยี้
แต่ไม่มี คงหนีเร้น เร่งเผ่นหาย
จึงแผดเสียง สำเนียงคลั่ง ลือลั่นไพร
ออกตามไล่ ใคร่กระชาก พรากชีวา

อึกทึก ครึกโครม โจนสับสน
เหล่ามาตงค์ ลนลาน เที่ยวตามหา
เจ้าคนชั่ว ทั่วพนัส ชัฏพนา
หมายเข่นฆ่า พร่าแดดิ้น ให้สิ้นใจ



ฝ่ายมหา สุภัททา ชายาสาร
เห็นนรการ นั่งทรุด ลุกไม่ไหว
จึงอยู่ข้าง ไม่ห่างชู้ คู่ฤทัย
คอยชิดใกล้ ใจห่วงใย ในฉัททันต์

ท้าวคเชนทร์ เห็นชายา หน้าเศร้าสร้อย
จึงเอ่ยถ้อย ปลอบนาง จางโศกศัลย์
บอกบาดแผล แม้ใหญ่ ไม่ฉกรรจ์
ของามขำ ทำใจ ให้ผ่อนคลาย

เหล่าบริวาร ควานหา ปัจจามิตร
ทั่วทุกทิศ ติดตาม ไม่ห่างหาย
ไฉนเจ้า เฝ้าข้าง ไม่ห่างกาย
ไม่ละอาย พวกพ้อง ฤาน้องยา

เลิกเคล้าคลุก รุดตาม บริวารเถิด
อย่าให้เกิด เล็ดลอด ออกนอกผา
ขืนช้าอยู่ ศัตรูไป ไกลลับตา
ผองคชา จักพาโกรธ โทษนงราม

ท้าวชายา น้ำตาไหล จำใจจาก
เจ้าโขลงนาค ยากขัด หักสงสาร
ละล้าละลัง รังรอ ท้อดวงมาน
แต่เกรงขาม สางไท้ ตัดใจลา

พอลับตา ชายา คชาเจ้า
ย่างเท้าก้าว หาหลุม กรุ่นนาสา
กลิ่นเหม็นแตก ต่างที่ เคยมีมา
ไอยรา ใช้งาคุ้ย ตะกุยดิน

เห็นกระดาน คชาธาร บันดาลโกรธ
คนใจโฉด โหดร้าย ซ่อนกายสิง
อยู่ใต้ไม้ นิ่งซุ่ม ในหลุมดิน
ท้าวคชินทร์ สิ้นกลั้น พลันเหยียบลง

ไม้ลั่นเปรี้ยง เสียงดัง ลั่นหักแตก
ขรัวพรานแอบ แถกดิ้น กลิ้งสับสน
หลบไม้หัก พุ่งปักดิน เกือบทิ่มตน
กระเสือกกระสน ลนลาน สะท้านอุรา

ท้าวคชา หน้าแดง แรงโทสะ
งวงตวัด รัดรึง ดึงเข้าหา
พอเห็นผ้า กาสาวะ งามจับตา
โกรธบังตา พาเดือด เหือดมลาย

นึกถึงทาน ประทานภัตร พระปัจเจก
ผู้เป็นเอก อเนกคุณ บุญมากหลาย
เกิดแรงฉุด หยุดทัน พลันอภัย
โมโหหาย คลายโกรธ ไม่โทษพราน

จึงมาตงค์ ปลงจิต ไม่คิดฆ่า
เอ่ยวาจา ปราศรัย ใจสงสาร
บอกคนเขลา เมากิเลส ซ่องเสพกาม
ไม่ควรหาญ ห่มกาสาว์ น่าอับอาย

แล้วเอื้อนถาม พรานไพร ใจฉกาจ
ท่านพยาบาท อาฆาตเรา แต่คราวไหน
จึงพิฆาต เข่นฆ่า พร่าถึงตาย
หรือมีใคร ใช้ท่าน ดั้นด้นมา



โสณุดร อ่อนล้า หน้าสลด
ยืนคอตก ไม่ปดตอบ บอกอาสา
องค์เทวี มเหสี สุภัททา
ในราชา กาสิกราช ราษฎร์แซ่ไกล

อรนุช ทุกข์ตรอม ปองงาท่าน
ด้วยนางฝัน จำติด จิตหลงใหล
มีกุญชร ครองป่า พนาไพร
แสนยิ่งใหญ่ ไร้เปรียบ เรียกฉัททันต์

ไม่ได้ครอง สองงา อุราขม
อกระทม ตรมเศร้า เฝ้าโศกศัลย์
มีชีพไป เหมือนไร้ ซึ่งชีวัน
ยืนนอนนั่ง พร่ำปาก อยากจักตาย

องค์ภูธร ร้อนใจ ในสนม
สั่งระดม พลตาม พรานทั้งหลาย
ทั่วเขตแดน แคว้นด้าว มีเท่าใด
ใกล้และไกล ให้เข้า เฝ้าราชินทร์

ใครพิฆาต พรากงา คชาได้
เหนือหัวให้ ส่วยทาส มากทรัพย์สิน
เรือกสวนไร่ ใกล้ไกล ให้ทำกิน
แลกสองกิ่ง งาวาว เจ้าฉัททันต์

หกหมื่นพราน ตามมา เบื้องหน้าไท้
ตัวข้าให้ ต้องใจ เหมือนในฝัน
จึงส่งมา ฆ่าสาร ผลาญชีวัน
ตัดงาท่าน นำมอบ ยอดเทวี



ที่มา : พุทธชาดก

9







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย