"ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

 วิริยะ12  


 "ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้"

" .. "คนดีนั้น" ท่านกล่าวว่า "เป็นผู้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" นี่มิใช่เรื่องอภินิหาร ถ้อยคำที่ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องอภินิหารนั้น ความจริงมีความหมายธรรมดา แต่ความหมายนั้นแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

"ผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล" คือน้ำไม่พัดพาไปถึงได้รับอันตราย ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหยุดไหล แต่หมายความว่า มีผู้ช่วยนำขึ้นให้พ้นน้ำได้

"ผู้ที่ตกไฟไม่ไหม้" ก็ไม่ได้หมายความว่า ไฟไหม้เนื้อหนังร่างกายจริง ๆ แต่หมายความว่า มีผู้ช่วยให้พ้นจากไฟหรือช่วยดับไฟให้ ตนจึงพ้นภัยอันเกิดจากไฟนั้น

"ผู้ที่มีความดีเพียงพอจะเป็นที่พึ่งของตนเองได้" ย่อมสามารถมีผู้อื่นเป็นที่พึ่งได้ "ผู้ไม่มีผู้อื่นเป็นที่พึ่ง" คือผู้ไม่มีความดีเพียงพอที่ผู้อื่นจะแลเห็นความดีนั้น ไม่แลเห็นความสมควรที่จะพึงได้รับความช่วยเหลือ เมื่อผู้ไม่มีความดีเพียงพอนั้นได้รับความเดือดร้อนด้วยเรื่องใด ก็ย่อมไม่มีผู้ยินดีช่วยเหลือ

ถ้าอย่างหนักแม้ถึงตาย ก็ขาดผู้ยื่นมือเข้าช่วย "เปรียบดังตกน้ำก็ไหล ตกไฟก็ไหม้" หมายความว่า เมื่อมีอันตรายก็ไม่มีผู้ช่วย ดังนั้น "จึงต้องทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเองก่อนที่จะหวังพึ่งผู้อื่น" ไม่ว่าเรื่องใดทั้งสิ้น .. "

"สมเด็จฯ ท่านสอน เมษายน ๒๕๒๘"
สมเด็จพระญาณสังวร

5,630







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย