องค์หลวงปู่ก็เคยสูบบุหรี่ตามที่ท่านพระครูสันตยาภิมณฑ์
(หลวงพ่อบัวไข สันตจิตโต) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่
(ท่านได้มรณภาพแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ ก.ค. พ.ศ. ๒๕๕๔)ได้เคยเล่าให้ฟังว่า
เดิมทีนั้น หลวงปู่ก็สูบยาเหมือนกันสูบตั้งแต่ยาฉุนจนถึงกรุงทอง

แต่หลวงปู่ก็เลิกสูบบุหรี่ได้เด็ดขาดเมื่อท่านเห็นโทษของมัน
โดยในปีที่ท่านไปจำพรรษาที่บ้านบัว ท่านเกิดมีอาการไอ
ฉันข้าวไม่ได้ และนอนไม่หลับเลย เมื่อเดินทางกลับเชียงใหม่
และเข้ารับการตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาล แพทย์พบว่า
ท่านเป็นโรคปอดและได้ถวายคำแนะนำให้หลวงปู่เลิกสูบบุหรี่
เพื่อรักษาสุขภาพ หลวงปู่ก็เลิกสูบบุหรี่เด็ดขาดตั้งแต่นั้นมา

"เมื่อหลวงปู่ตกลงใจแล้ว ทำทันที ท่านทำได้เพราะท่านทำจริง"
หลวงพ่อบัวไขกล่าวชื่นชมและยกย่องความเด็ดเดี่ยวของหลวงปู่

ลูกศิษย์หลวงปู่หลายรูปสูบจริงแต่ไม่เลิกจริงตามท่าน
แม้หลวงปู่ได้พยายามขอร้อง ห้ามปราม รวมถึงหามาตรการบางอย่าง
เช่น ให้ตั้งสัจจาธิษฐานต่อหน้าท่าน ก็ยังไม่ค่อยได้ผล
อย่างที่หลวงปู่ท่านปรารภเตือนสติเราทั้งหลายอยู่เสมอว่า

"การฝืนหรือทวนกระแสกิเลสนี้ บ่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ถ้าไม่ตั้งใจทำจริงๆจังๆล่ะก็สู้มันบ่ได้"

ท่านพระอาจารย์องค์หนึ่งเล่าว่า

"ตอนเตรียมงานฉลองโบสถ์ที่บ้านบัว อาตมาก็ยังสูบบุหรี่จัดอยู่นะ
เคยนึกในใจว่าจะเลิกเหมือนกันแต่ก็เป็นแค่นึก
พอดีขณะกำลังต่อน้ำประปา มีธุระเดินไปหาหลวงปู่ที่ลานวัดข้างศาลา
มองไปเห็นท่านก้มลงเก็บก้นบุหรี่ เกิดความสลดใจว่า
ไม่น่าเลย ! เราทำให้ครูบาอาจารย์ลำบากแท้ๆ สูบแล้วก็ทิ้งให้ท่านต้องเก็บ
จึงตั้งจิตในบัดนั้นว่า จะเลิก"

"ลานวัดเป็นดินลูกรัง สีของก้นบุหรี่ก็กลืนไปกับสีของพื้น
ไม่จำเป็นที่หลวงปู่จะต้องก้มลงเก็บ แต่คงเป็นวิธีการอันละมุนละม่อมของท่าน
ที่อยากให้กำลังใจศิษย์ ให้สามารถเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาด"

พอคิดดังนั้นท่านอาจารย์องค์ดังกล่าวก็เลยหันหลังกลับ
เข้าไปตั้งสัจจะต่อหน้าพระพุทธรูป

"มวนนี้จะเป็นมวนสุดท้าย จะไม่สูบบุหรี่อีกต่อไป"

...

พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่