การเจริญวิปัสสนาจำเป็นต้องมีสมาธิ : หลวงพ่อวิริยังค์

 จำปาพร  


เมื่อเราทำสมาธิได้มากแล้ว เราก็ไม่ควรที่จะรีรอ
หาวิธีการที่จะปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อไป ให้เป็นวิปัสสนากรรมฐาน
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้เป็นเรื่องของสมถะ ทำความสงบ
การทำความสงบนั้นก็อาศัยการกระทำให้มาก
เมื่อกระทำให้มากแล้วความสงบนั้นมากขึ้นจิตนี้ก็กลายเป็นพลังจิต
เมื่อจิตนี้กลายเป็นพลังจิต จิตนี้ก็มีพลังแก่กล้าตามลำดับ
เมื่อจิตนี้มีการแก่กล้าตามลำดับแล้ว ท่านก็ให้เจริญวิปัสสนา

บางคนนั้นกล่าวว่าเจริญวิปัสสนาล้วน ไม่มีสมาธิ..อันนี้เป็นไปไม่ได้
จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องมีสมาธิพอเป็นเบื้องบาท
ถ้าไม่มีสมาธิเลย จะบำเพ็ญวิปัสสนาล้วนก็ไม่ถูกต้อง

บางคนนั้นคิดว่า เราบำเพ็ญวิปัสสนา คือ เรียนอภิธรรม
เรียนอภิธรรมจนกระทั่งรู้จักจิตเท่านั้นดวง เท่านี้ดวง
แล้วก็เรียนถึงทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
ถึงเรียนไปเท่าไรว่าเป็นวิปัสสนานั้นมันก็เป็นไปไม่ได้
เพราะวิปัสสนาที่จะให้เกิดเป็นวิปัสสนาจริงๆนั้น
ต้องเป็นวิปัสสนาที่เกิดขึ้นจากพลังของจิต
สมดั่งที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงตรัสไว้ว่า "สัมมาสมาธิ"

สัมมาสมาธิ นั้นคือ ฌาน ๔ ในมรรค ๘ นั้นมีข้อสำคัญอยู่ข้อสุดท้าย
คือ ข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งในข้อสุดท้ายนั้น เรียกว่า "สัมมาสมาธิ"
สัมมาสมาธินั้นก็คือ ฌาน ๔ ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานและจตุถฌาน
ฌานทั้ง ๔ นั้นเป็นสัมมาสมาธิ เป็นองค์มรรคในจำนวนมรรคทั้งแปด
ก็เป็นอันได้ความว่า ถ้าจะพิจารณาถึงอริยสัจ พิจารณาถึงวิปัสสนาแล้ว
จะต้องมีสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิ..มรรคก็จะขาดไปองค์หนึ่ง
มรรคนั้นมีแปด ถ้าขาดสมาธิก็เหลือเจ็ด อันนี้เป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้นการดำเนินวิปัสสนานั้น
จึงต้องดำเนินไปจากการที่ทำจิตนี้ให้สงบ
มีกำลังแก่กล้า เมื่อจิตสงบมีกำลังแก่กล้าแล้ว
จะเกิดกระแสจิต กระแสจิตนั้นก็เหมือนกับกระแสไฟ
เราเห็นดวงไฟนั้นบางทีก็สว่างน้อย บางทีก็สว่างมาก
ที่สว่างน้อยก็เพราะแรงเทียนน้อย
ที่สว่างมากก็เพราะแรงเทียนสูง ข้อนี้เป็นข้อเปรียบเทียบ
ผู้ที่มีพลังจิตแก่กล้า มีกำลังมาก กระแสจิตก็สูง
ผู้มีกำลังน้อย กระแสจิตก็ต่ำ

...

พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร
วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร
แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ


5,719







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย