เมื่อเอาความสนุกและความรู้สึกชั่วแวบเป็นหลักก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ มักจะพูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อยู่เสมอ นี่คือโทษของจิตลิง
พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบจิตใจของคนเราว่าเหมือนลิง คือมีลักษณะอยู่นิ่งไม่ได้ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ตลอดเวลา โดยไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรที่ชัดเจน ลิงเป็นสัตว์ที่ขี้เล่น ท่านบอกว่าถ้าเราไม่ฝึกอบรมจิตด้วยสมถกรรมฐาน เราจะพ้นจากความเป็นลิงไม่ได้ จิตที่เป็นลิงเป็นจิตที่มีความฟุ้งซ่านรำคาญอยู่ตลอดเวลา จะคิดอะไรก็คิดไม่ตลอดรอดฝั่ง ไม่เคยคิดอะไรตลอดสายให้ครบวงจรของมัน คิดได้นิดเดียวก็เปลี่ยนไปสนใจหรือไปคิดเรื่องอื่นแทน ไปคิดเรื่องนั้นสักครู่เดียวก็เบื่อ ต้องไปหาเรื่องอื่นมาคิด...
จิตลิงมีโทษ คือ ทำให้รู้สึกเหนื่อย ไม่มีกำลัง มีโทษเพราะเป็นอุปสรรค หรือเป็นปฏิปักษ์ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความสงบ จิตใจที่ฟุ้งซ่านเยี่ยงลิง มักจะทำให้การกระทำการพูดของเจ้าของขาดความรอบคอบ กลายเป็นคนใจร้อน หุนหันพลันแล่น คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำแล้วเกิดอุปสรรค ไม่ราบรื่น ไม่ง่าย ไม่สนุก ก็หยุดทำ ไปทางนี้ไม่ได้ แทนที่จะสู้ กลับหยุดเสีย ไปหาทางอื่นที่คิดว่าง่ายกว่า มันก็จะได้แต่วิ่งหาสิ่งที่ง่ายกว่าอยู่ตลอดเวลา เหมือนเดินทางในป่า เจออุปสรรคเมื่อไหร่ ไม่ยอมสู้ หาที่ใหม่หาที่ง่ายดีกว่า ความคิดที่จะหาทางง่ายที่สุดนั่นละ คือ อันตราย เพราะทางที่ง่ายที่สุด มักจะไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด อย่างที่โบราณพูดว่า มักง่ายได้ยาก ลำบากได้ดี
จิตลิงชอบเที่ยวเพลิน ไม่เคยสอดส่องเข้าไปให้ทะลุปรุโปร่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลย มีแต่วิ่งหาความสนุก หาความสบายอยู่ตลอดเวลาเหมือนลิง เมื่อเอาความสนุกและความรู้สึกชั่วแวบเป็นหลักก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ มักจะพูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อยู่เสมอ นี่คือโทษของจิตลิง
พระอาจารย์ชยสาโร