"มันยังไม่พอแดก พอยาไส้" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
"มันยังไม่พอแดก พอยาไส้"
" .. ตอนนั้นมีพระอยู่รูปหนึ่ง "นั่งภาวนาเกิดความสงบมาก ๆ อัศจรรย์มหัศจรรย์ภายในจิต ใครจะไปใครจะมารู้ล่วงหน้าหมด ถึงขั้นไปอวดใส่พระอาจารย์เจี๊ยะเลย เพราะจิตมันสงบมากก็อาจหาญ ไม่กลัวท่าน" เดินดุ่ม ๆ เข้าไปกราบเรียนท่านว่า ..
"ท่านอาจารย์พรุ่งนี้จะมีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาที่วัด มันคันใหญ่ ๆคล้าย ๆ รถไฟ ท่อต่ออยู่ข้างบนหลังคา คอยรอพิสูจน์ดูว่าพรุ่งนี้จะมีมาจริงหรือไม่ เหมือนในนิมิตภาวนา"
พอถึงรุ่งเช้าวันใหม่ "ก็มีรถยีเอ็มซีคันใหญ่ ๆ มีปล่องท่อไอเสียอยู่ข้างบน วิ่งเข้ามาพระก็มาดูกันใหญ่" พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย้เจี๊ยะว่า
"นี่ไง ๆ สิ่งที่ผมเห็นในนิมิตที่เล่าให้ฟังเมื่อวานนี้" ที่ท่านอาจารย์ว่า "นั่งสมาธิจิตสงบเป็น อัปปนาสมาธิไม่พอกินได้อย่างไร" ใครจะตายก็รู้ ใครจะไปจะมาก็รู้ มันวิเศษขนาดนี้จะไม่พอกินได้ อย่างไรกันครับ
พระอาจารย์เจี๊ยะก็ดุว่าด้วยเสียงดัง ๆ แบบตวาด ๆ ใกล้ไปทางตะโกนแต่ไม่ใช่ตะโกน ..
"เฮ้ย! .. ปฏิบัติอย่างนี้มันไม่พอกิน" มันไม่พอแดก ประสารถ "ไม่ต้องนั่งภาวนาให้เสียเวลาก็ เห็นได้ชัดกว่านั่งภาวนาดูอีก" เนี่ย! กูก็ยังเห็นอยู่เนี่ย "มันจะวิเศษอะไร ประสาเห็นรถ"
พระรูปนั้นก็ไม่ยอมลงใจในสิ่งที่ท่านสอนว่า "ไม่พอกิน ไม่พอแดก ในการปฏิบัติแบบนี้" เพราะเธอเกิดความอัศจรรย์ในสมาธิมากหลาย จึงคัดค้านอยู่ในใจในสิ่งที่ท่านสอน "เอ๊ะ!... อาจารย์ของเรานี้เป็นอย่างไร?"
สักพักหนึ่งจึงไดโต้ตอบท้าทายพระอาจารย์เจี๊ยะว่า "ท่านอาจารย์ ... เดี๋ยว วันพรุ่งนี้จะมีรถข้างหน้าสีขาว ๆ ส่วนด้านข้างเป็นอีกสึหนึ่ง ดู ๆ ไม่ค่อยเหมือน รถแต่มันก็เป็นรถ"
พอรุ่งเช้ามา "ก็มีรถที่ยังโปัวสีไม่เสร็จ ลักษณะอย่างที่ว่า วิ่งตะบึงเข้ามา" จริง ๆ พระทั้งหลายก็ขึ้!ปที่รถว่า "นั่นไง ๆ มาแล้ว แน่จริง ๆ วาระจิตนี้" สมัยก่อนวัดญาณฯ อยู่กลางทุ่ง นาน ๆ จะมีรถมาคันหนึ่ง การที่จะสุ่มเดาทายเอาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย์เจี๊ยะขึ้นอีกว่า เอ!...ท่าน อาจารย์ ครับมันอัศจรรย์มาก "เรื่องการที่จิตออกไปรับรู้ ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยสอนเลย อันนี้จิตผมไปรู้เอง" ท่านอาจารย์จะว่าไม่พอกินได้อย่างไรครับ
"เฮ้ย! ..มันยังไม่พอกิน เฮ้ย! .. มันยังไม่พอแดกพอยาไส้ สำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อจะไปสู่พระนิพพาน" ที่เธอว่าจิตเธอมหัศจรรย์ทางด้านสมาธิเหลือหลายนั้น "ให้เธอลองทางด้านปัญญาบ้างว่า จะมหัศจรรย์แค่ไหน สมาธิเป็นเพียงเครื่องกั้นกิเลส แต่ปัญญาเป็นเครื่องทำลายเขื่อนคือกิเลสนั้นให้พังทลาย" จะมหัศจรรย์แบบตาแจ้ง ๆ แบบท่านเดินไปไหนเห็นได้เลย
"ไม่ต้องมานั่งเข้าสมาธงสมาธิ มหัศจรรย์ตาแจ้ง ๆ ทั้ง ๆ ที่คนอยู่เยอะ ๆ หรือคนน้อย ๆ ทั้งที่กิริยาท่าทางคุยกันได้" เดินคุยไปกันได้อย่างนี้ หรืออย่างที่ผมคุยกับท่านอยู่เวลานี้ "ให้ท่านลองพิจารณาทางด้านปัญญาบ้าง ไอ้อันที่ท่านทำอยู่นี่ทิ้งไปเลย" .. "ไม่พอแดก .. สำหรับภาษาธรรมของผมนะ" .. "
"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท"
พระผู้ดั่งเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง