การเห็นอนัตตา ความไม่มีสาระอะไรเลย : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

 จำปาพร  

พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

ถ้าหากว่า ยังหนุ่มยังวัยอยู่ ก็เข้าใจว่าตนไม่มีเสื่อม
จนแก่เฒ่าชำรุดทรุดโทรม แข้งขาอวัยวะทุกขิ้นส่วน
ปวดเมื่อยเจ็บโน่นเจ็บนี่อะไรต่างๆจึงค่อยรู้สึกว่าเสื่อมไปแล้ว
มันเสื่อมไปโดยลำดับ แต่มันไม่ทันรู้ตัว
เพราะมันมีพลังเพียงพอที่จะต้านทานต่อสู้สิ่งแวดล้อม
ที่มันเสื่อมไปนั้นน่ะ มันเสื่อมไปนั่นน่ะเสื่อมไปทุกวันๆคือ “ทุกข์”
เสื่อมไปทุกนาทีวินาทีคือ “ทุกข์” นั่นแหล่ะคือทุกข์

ทุกข์ของเราเห็นแต่เพียงว่า เจ็บหนักครั้งไหนกระทั่งนอนกับเสื่อกับหมอน
จึงรู้จักว่า ทุกข์ มีเจ็บปวดหลายอย่างต่างๆหลายเรื่อง ลุกไม่ได้จึงค่อยว่าทุกข์
นั่น “ทุกข์เป็นบางครั้งบางคราว” ทุกข์ใจ
มันทุกข์ทุกวันนี่น่ะ “ความเสื่อม” มันทนไม่ได้นั่นคือ ความทุกข์
“ทนอยู่ไม่ได้” นั่นเรียกว่า ทุกข์ มันแปรปรวนไปแล้ว

นั่นเรียกว่า ทุกข์ อนิจจัง ทุกขัง ...อนัตตาแล้วคราวนี้
ไม่มีสาระอะไรเลย เราหาสาระไม่ได้
จะพูดถึงอวัยวะชิ้นส่วนก็ไม่มีสาระ แขนขาอวัยวะร่างกายนี้
ไม่มีสาระอะไรสักนิดเดียว มีแต่เสื่อมไป ชำรุดไป ทรุดโทรมไปโดยลำดับ
เราเกิดมา มาครองร่างกายนี้ค่อยเสื่อมหมดไปๆแต่ “จิตใจยังไม่เสื่อม”

เราใช้จิตใจนะมาใช้ของพวกนี้แหละ “อายตนะทั้ง ๖”
ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ เราใช้ได้ ยังมีเจ้าของอยู่ คือ “จิต”
ถ้าหากจิตไม่มีแล้วใช้ไม่ได้ ของอันนี้หมดเรื่อง นั่นแหละจึงว่า “ไม่มีสาระ”
แต่หากผู้ปฏิบัติแล้วท่านอบรมจิตใจให้แน่วแน่เต็มที่แล้ว ไม่ใช่เห็นอย่างนั้น
เห็น “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”ไม่ใช่เห็นอย่างนั้น
ต้องเห็น “อนัตตา” ก่อน ว่าตัวไม่มีสาระเลย
มันต้องเห็นชัดตนเป็นอนัตตาก่อน มันสลับกันแต่ก็อันเดียวกันนั่นแหละ

5,622







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย