หลักธรรมนำสุขในยุค 2000
โดย : พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต)

เรื่องที่ ๑๓ : ทำอย่างไรให้อายุยืน ( ๑ )


"...คนที่จะมีอายุยืน ต้องมี ฉันทะ คือมีความพอใจ มีใจรัก มีความใฝ่ปรารถนาในอะไรสักอย่างหนึ่งที่ดีงาม หรือสิ่งที่คิดว่าจะทำ ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าที่ทำให้ชีวิตของเราดีงาม จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นก็ตาม เป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเราเองก็ตาม ถ้าพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า ยังมีงานพระศาสนาที่ต้องทำอยู่ ก็ยังใฝ่พระทัยที่จะทำสิ่งนั้น พระองค์ก็จะมีจุดที่ใฝ่พระทัยอยู่ ก็จะทรงทำให้เป็นพลังชีวิต ที่จะบำเพ็ญพุทธกิจต่อไป แต่พระพุทธเจ้าไม่มีกิเลสที่จะเหงาและว้าเหว่ ส่วนคนทั่วไปนี่ซิ ถ้าไม่มีอะไรที่ใจปรารถนาจะทำ สักอย่างหนึ่ง เดี๋ยวใจก็ว้าเหว่ เหงา แล้วก็หันไปครุ่นคิดขุ่นมัว และคาดหวังจากคนโน้นคนนี้ ว่าทำไมเขาไม่มาใส่ใจเรา แล้วก็จะห่อเหี่ยว ใจเสีย หมดแรงใจ หมดพลังชีวิต

ตอนนี้ต้องมานึกดูว่า มีอะไรสักอย่างหนึ่งที่ใฝ่ใจจะทำ ที่เห็นว่ามีคุณค่าเป็นประโยชน์ เตรียมไว้เลย พอมีอันนี้ ก็เอามาเป็นหลักประกันให้ใจมีจุดที่มุ่งไปข้างหน้า พอคิดว่าเราจะต้องทำ ก็ไม่มีเวลาให้ใจเหงา ไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่าน คนเรานี้ เวลาไม่มีอะไรจะทำ ใจก็จะคิดฟุ้งซ่าน แต่ก่อนนี้ วุ่นอยู่กับเรื่องงานการที่ทำในราชการ ต้องคอยกำลังวลใจ ใจก็ยุ่งแต่เรื่องงานตลอดเวลา พอทิ้งไปทันที พอหมดงานเท่านั้นแหละ ใจก็ฟุ้ง ใจก็ลอย เหงาว้าเหว่ไป นี่แหละจิตฟุ้งซ่าน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ความเฉา ความเหงา ความว้าเหว่ใจ วิ่งเข้ามาอย่าไปปล่อยใจให้เหงาว้าเหว่อย่างนั้น ต้องนึกถึงสิ่งที่จะทำ ถ้าได้ฉันทะนี้แล้ว ก็เป็นตัวประกัน ที่ทำให้พร้อมจะมีอายุยืน

บางคนมีฉันทะที่แรงมาก ถ้าทำงานอันนี้ไม่เสร็จ ชีวิตสิ้นสุดไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมตาย ต้องอยู่ไปก่อน นี่แหละ บางคนเขาอยู่ได้เพราะอันนี้ คือเขามีสิ่งที่ต้องการจะทำ..."



หลักธรรมนำสุขในยุค 2000 โดย พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต)


จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย