ค้นหาในเว็บไซต์ :

18 หมวดมลทิน - IMPURITY

๑. ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ 
ยมปุริสาปิ จ ตํ อุปฏฺฐิตา 
อุยฺโยคมุเข จ ติฏฺฐสิ 
ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ ฯ ๒๓๕ ฯ


บัดนี้ เธอแก่ดังใบไม้เหลือง 
ยมทูตกำลังเฝ้ารออยู่ 
เธอกำลังจะจากไปไกล 
แต่เสบียงเดินทางของเธอไม่มี


Like a withered leaf are you now, 
Death's messangers wait for you. 
You are going to travel far away, 
But provision for your journey you have none.



๒. โส กโรหิ ทีปมตฺตโน 
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว 
นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ 
ทิพฺพํ อริยภูมิเมหิสิ ฯ ๒๓๖ ฯ


เธอจงสร้างที่พึ่งแก่ตนเอง 
รีบพยายามขวนขวายหาปัญญาใส่ตัว 
เมื่อเธอหมดมลทิน หมดกิเลสแล้ว 
เธอก็จักเข้าถึงทิพยภูมิของพระอริยะ


Make a refuge unto yourself 
Quickly strive and become wise. 
Purged of taint and free from stain, 
To heavenly state of the Noble will you attain.



๓. อุปนีตวโยว ทานิสิ 
สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกํ 
วาโสปิ จ เต นตฺถิ อนฺตรา 
ปาเถยฺยมมฺปิ จ เต น วิชฺชติ ฯ ๒๓๗ ฯ


บัดนี้ เธอใกล้จะถึงอายุขัยแล้ว 
เธอย่างเข้าใกล้สำนักพญามัจจุราชแล้ว 
ที่พักระหว่างทางของเธอก็ไม่มี 
เสบียงเดินทาง เธอก็ไม่ได้หาไว้

Your life has come near to an end now, 
To the presence of Death you are setting out. 
No halting place is there for you on the way, 
And provision for your journey you have none.



๔. โส กโรหิ ทีปมตฺตโน 
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว 
นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ 
น ปุน ชาติชรํ อุเปหิสิ ฯ ๒๓๘ ฯ


จงสร้างที่พึ่งแก่ตัวเอง 
รีบขวนขวายหาปัญญาใส่ตัว 
เมื่อเธอหมดมลทิน หมดกิเลสแล้ว 
เธอก็จักไม่มาเกิดมาแก่อีกต่อไป


Make a refuge unto yourself, 
Quickly strive and become wise. 
Purged of taint and free from stain, 
To birth-and-decay will you not come again.



๕. อนุปุพฺเพน เมธาวี 
โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ 
กมฺมาโร รชตสฺเสว 
นิทฺธเม มลมตฺตโน ฯ ๒๓๙ ฯ


คนมีปัญญา 
ควรขจัดมลทินของตน 
ทีละน้อยๆ 
ทุกๆขณะ 
โดยลำดับ 
เหมือนนายช่างทอง 
ปัดเป่าสนิมแร่


By gradual practice, 
From moment to moment, 
And little by little, 
Let the wise man blow out 
His own impurities, 
Just as a smith removes 
The dross of ore.



๖. อยสาว มลํ สมุฏฺจิตํ 
ตทุฏฺฐาย ตเมว ขาทติ 
เอวํ อติโธนจารินํ 
สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคตึ ฯ ๒๔๐ ฯ


สนิมเกิดแต่เหล็ก 
กัดกินเหล็กฉันใด 
กรรมที่ตนทำไว้ 
ย่อมนำเขาไปทุคติฉันนั้น

As rust, springing from iron, 
Eats itself away, once formed, 
Even so one's own deeds 
Lead one to states of woe.



๗. อสชฺฌายมลา มนฺตา 
อนุฏฺฐนมลา ฆรา 
มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ 
ปมาโท รกฺขโต มลํ ฯ ๒๔๑ ฯ


ความเสื่อมของมนตรา อยู่ที่การไม่ทบทวน 
ควาามเสื่อมของเรือน อยู่ที่ไม่ซ่อมแซม 
ความเสื่อมของความงาม อยู่ที่เกียจคร้านตบแต่ง 
ความเสื่อมของนายยาม อยู่ที่ความเผลอ


Non-recitation is the bane of scriptures. 
Non-repair is the bane of houses. 
Sloth is the bane of beauty. 
Negligence is the bane of a watcher.



๘. มลิตฺถิยา ทุจฺจริตํ 
มจฺเฉรํ ททโต มลํ 
มลา เว ปาปกา ธมฺมา 
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ ๒๔๒ ฯ


ความประพฤติเสียหาย เป็นมลทินของสตรี 
ความตระหนี่ เป็นมลทินของผู้ให้ 
ควาามชั่วทุกชนิด เป็นมลทิน 
ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า


Misconduct is defilement of a woman. 
Strininess is defilement of a donor. 
Tainted indeed are all evil things, 
Both in this world and the world to come.



๙. ตโต มลา มลตรํ 
อวิชฺชา ปรมํ มลํ 
เอตํ มลํ ปหตฺวาน 
นิมฺมลา โหถ ภิกฺขโว ฯ ๒๔๓ ฯ


มลทินที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือความโง่เขลา 
ความโง่เขลา นับเป็นมลทินชั้นยอด 
ภิกษุทั้งหลายพวกเธอจงละมลทินชนิดนี้ 
เป็นผู้ปราศจากมลทินเถิด

A greater taint than these is ignorance, 
The worst taint of all. 
Rid yourselves of ignorance, monks, 
And be without taint.



๑๐. สุชีวฺ อหิริเกน 
กากสูเรน ธํสินา 
ปกฺขนฺทินา ปคพฺเภน 
สงฺกิลิฏฺเฐน ชีวิตํ ฯ ๒๔๔ ฯ


คนไร้ยางอาย กล้าเหมือนกา 
ชอบทำลายผู้อื่นลับหลัง ชอบเอาหน้า 
อวดดี มีพฤติกรรมสกปรก 
คนเช่นนี้ เป็นอยู่ง่าย


Easy is the life of a shameless one 
Who is as bold as a crow, 
A back-biting, a forward, 
An arrogant and a corrupted one.



๑๑. หิรีมตา จ ทุชฺชีวํ 
นิจฺจํ สุจิคเวสินา 
อลีเนนปฺปคพฺเภน 
สุทฺธาชีเวน ปสฺสตา ฯ ๒๔๕ ฯ


ส่วนคนที่มีหิริ ใฝ่ความบริสุทธิ์เป็นนิตย์ 
ไม่เกียจคร้าน อ่อนน้อมถ่อมตน 
มีความเป็นอยู่บริสุทธิ์ มีปัญญา 
คนเช่นนี้เป็นอยู่ลำบาก


Hard is the life of a modest one 
Who ever seeks after purity, 
Who is strenous, humble, 
Cleanly of life, and discerning.



๑๒. โย ปาณมติปาเตติ 
มุสาวาทญฺจ ภาสติ 
โลเก อทินฺนํ อาทิยติ 
ปรทารญฺจ คจฺฉติ ฯ ๒๔๖ ฯ 
สุราเมรยปานญฺจ 
โย นโร อนุยุญฺชติ 
อิเธวเมโส โลกสฺมึ 
มูลํ ขนติ อตฺตโน ฯ ๒๔๗ ฯ


ผู้ใด ฆ่าสัตว์ พูดเท็จ ลักทรัพย์ 
ประพฤติล่วงเกินภรรยาของผู้อื่น 
ดื่มสุราเมรัยเป็นนิจศีล 
ผู้นั้นนับว่าขุดรากถอนโคนตนเองในโลกนี้ทีเดียว


Whoso destroys life, 
Tells lies, 
Takes what is not given, 
Commits sexual misconduct, 
And is addicted to intoxicating drinks- 
Such a one roots out oneself in this very world.



๑๓. เอวํ โภ ปุริส ชานิหิ 
ปาปธมฺมา อสญฺญตา 
มา ตํ โลโภ อธมฺโม จ 
จิรํ ทุกฺขาย รนฺธยุํ ฯ ๒๔๘ ฯ


จงรู้เถิด บุรุษผู้เจริญเอ๋ย ความชั่วร้าย 
มิใช่สิ่งที่จะพึงควบคุมได้ง่ายๆ 
ขอความโลภและความชั่วช้า 
อย่าได้ฉุดกระชากเธอ 
ไปหาความทุกข์ตลอดกาลนานเลย


Know this, O good man, 
Not easy to control are evil things. 
let not greed and wickedness drag you 
To protacted misery !



๑๔. ททาติ เว ยถาสทฺธํ 
ยถาปสาทนํ ชโน 
ตตฺถ โย มงฺกุโต โหติ 
ปเรสํ ปานโภชเน 
น โส ทิวา วา รตฺตึ วา 
สมาธึ อธิคจฺฉติ ฯ ๒๔๙ ฯ


ประชาชนย่อมให้ทานตามศรัทธา 
ใครคิดอิจฉาในข้าวและน้ำของคนอื่น 
เขาย่อมไม่ได้รับความสงบใจ 
ไม่ว่ากลางวัน หรือ กลางคืน

People give according to their faith 
And as they are pleased. 
Whoso among them is envious 
Of others' food and drink- 
He attains no peace of mind 
Either by day or by night.



๑๕. ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ 
มูลฆจฺฉํ สมูหตํ 
ส เว ทิวา วา รตฺตึ วา 
สมาธึ อธิคจฺฉติ ฯ ๒๕๐ ฯ


ผู้ใดเลิกคิดเช่นนั้นแล้ว 
ผู้นั้น ย่อมได้รับความสงบใจ 
ทั้งในกลางวันและกลางคืน


He who thinks not 
In such a way 
Gains peace of mind 
Every night and day.



๑๖. นตฺ ราคสโม อคฺคิ 
นตฺถิ โทสสโม คโห 
นตฺถิ โมหสมํ ชาลํ 
นตฺถิ ตณฺหาสมา นที ฯ ๒๕๑ ฯ


ไม่มี ไฟใด เสมอราคะ 
ไม่มี เคราะห์ใด เสมอโทสะ 
ไม่มี ข่ายดักสัตว์ใด เสมอโมหะ 
ไม่มี แม่น้ำใด เสมอตัณหา


No fire is there like lust. 
No captor like hatred. 
No snare like delusion. 
No torrent like craving.



๑๗. สุทสฺสํ วชฺชมญฺเญสํ 
อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ 
ปเรสํ หิ โส วชฺชานิ 
โอปุนาติ ยถา ภุสํ 
อตฺตโน ปน ฉาเทติ 
กลึว กิตวา สโฐ ฯ ๒๕๒ ฯ


โทษคนอื่นเห็นได้ง่าย 
โทษตนเห็นได้ยาก 
คนเรามักเปิดเผยโทษคนอื่น 
เหมือนโปรยแกลบ 
แต่ปิดบังโทษของตน 
เหมือนนักเลงเต๋าโกงซ่อนลูกเต๋า


Easy to perceive are others'faults, 
One's own, however, are hard to see. 
Like chaff one winnows others's faults, 
But conceals one's own 
Just as a cheating gambler hides 
An ill-thrown dice.



๑๘. ปรวชฺชนุปสฺสิสฺส 
นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน 
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ 
อารา โส อาสวกฺขยา ฯ ๒๕๓ ฯ


ผู้ที่เพ่งแต่โทษคนอื่น 
คอยจับผิดอยู่ตลอดเวลา 
เขาย่อมหนาด้วยกิเลสอาสวะ 
ไม่มีทางเลิกละมันได้


He who sees others' faults 
And is ever censorious- 
Defilements of such a one grow 
Far is he from destroying them.



๑๙. อากาเสว ปทํ นตฺถิ 
สมโณ นตฺถิ พาหิโร 
ปปญฺจาภิรตา ปชา 
นิปฺปปญฺจา ตถาคตา ฯ ๒๕๔ ฯ


ไม่มีรอยเท้าในอากาศ 
ไม่มีสมณะภายนอกศาสนานี้ 
สัตว์พากันยินดีในกิเลสที่กีดขวางนิพพาน 
พระตถาคตทั้งหลาย หมดกิเลสชนิดนั้นแล้ว


No track is there in the sky. 
No samanas are there outside. 
In obstacles mankind delights. 
The Tathagatas leave them behind.



๒๐. กากาเสว ปทํ นตฺถิ 
สมโณ นตฺถิ พาหิโร 
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ 
นตฺถิ พุทฺธานมิญฺชิตํ ฯ ๒๕๕ ฯ


ไม่มี รอยเท้าในอากาศ 
ไม่มี สมณะนอกศาสนานี้ 
ไม่มี สังขารที่เที่ยงแท้ 
ไม่มี ความหวั่นไหวสำหรับพระพุทธเจ้า


No track is there in the sky. 
No samanas are there outside. 
No etenal compounded thing. 
No instability is there in the Buddhas.


ที่มา : หนังสือพุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย