ปญฺหา หิ เสฏฐา กุสลา วทนฺติ คนฉลาดย่อมกล่าวปัญญาแลว่าประเสริฐ
ปญฺหา หิ เสฏฐา กุสลา วทนฺติ คนฉลาดย่อมกล่าวปัญญาแลว่าประเสริฐ
พุทธศาสนสุภาษิต
/สัตตกนิบาตชาดก/
๏ ภาษิตบาลีบทนี้ "ปญฺญา หิ เสฏฐา กุสลา วทนฺติ" มีความหมายโดยตรงว่า "ปัญญาแลเป็นสิ่งประเสริฐ คนฉลาดย่อมกล่าวเช่นนั้น" หรืออาจแปลให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ว่า "ปัญญาเป็นเลิศ บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าว"
คำอธิบาย:
• ปญฺญา (Paññā): แปลว่า ปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ความรอบรู้ ความเฉลียวฉลาด สติปัญญา ญาณ ปรีชาญาณ ในทางธรรมหมายถึง ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม ความจริงอันประเสริฐ
• หิ (Hi): เป็นนิบาต ใช้เน้นความหมายของคำที่อยู่ข้างหน้า ในที่นี้เน้นว่า "ปัญญา" นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
• เสฏฐา (Seṭṭhā): เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า ประเสริฐ เลิศ ดีที่สุด ยอดเยี่ยม สูงสุด
• กุสลา (Kusalā): เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า ฉลาด ชำนาญ มีความสามารถ ดี งาม ในที่นี้หมายถึง ผู้มีปัญญา ผู้ฉลาด ผู้รู้
• วทนฺติ (Vadanti): เป็นกริยาปัจจุบันกาล บุรุษที่ 3 พหูพจน์ มาจากรากศัพท์ "วท" (vad) แปลว่า กล่าว พูด บอก แสดง
ดังนั้น เมื่อนำคำต่างๆ มาประกอบกัน จึงสื่อความหมายว่า ปัญญาเป็นคุณสมบัติที่ประเสริฐที่สุด และผู้ที่มีปัญญา ผู้ที่ฉลาด ย่อมเห็นพ้องต้องกันและกล่าวเช่นนั้น
การสรุป:
พุทธสุภาษิตบทนี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญและความประเสริฐของปัญญา ในทัศนะของพระพุทธศาสนา ปัญญาไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทางโลก หรือความเฉลียวฉลาดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ปัญญาทางธรรม ที่สามารถนำพาให้บุคคลเข้าใจสัจธรรมของชีวิต ความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไม่มีตัวตนที่แท้จริง
ภาษิตนี้สอนให้เราเห็นคุณค่าของการพัฒนาปัญญา การศึกษาหาความรู้ การเจริญสติ การพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งต่างๆ เมื่อมีปัญญาแล้ว ก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้ บัณฑิตหรือผู้รู้ทั้งหลายจึงยกย่องปัญญาว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญและประเสริฐที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ๛